เผยลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2563
เผยลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2563 เดือนกุมภาพันธ์
บัตรคนจน – จากกรณีเมื่อต้นเดือนมกราคม 2563 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า จะเสนอคณะรัฐมนตรี เปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ ภายในเดือนมกราคม นอกจากนี้จะมีการปรับเกณฑ์พิจารณาเพื่อคัดแยกคนจนไม่จริงออกจากสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเบื้องต้นจะใช้วิธันำรายได้ครอบครัวมาประเมินร่วมกับรายได้ส่วนบุคคลที่กำหนดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ล่าสุด รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ระบุว่าจะมีการเปิดลงทะเบียน ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ รอบใหม่ ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์พิจารณาที่เปลี่ยนไปจากเดิม กล่าวคือ ที่ผ่านมา จะพิจารณารายต่อคนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่เกณฑ์พิจารณาแบบใหม่นี้จะดูรายได้รวมของครอบครัว เช่นมี สมาชิก 5 คน หากหารแล้วรายได้ต่อคนเกิน 1 แสนบาท/ปี จะไม่มีสิทธิ์รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ปัจจุบันมีคนไทยอยู่ในระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 14.5 ล้านคน และจะมีการพิจารณาย้อนหลัง ว่าหากใน 14.5 ล้านคนนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาจมีการปรับให้หลุดจากโครงการ
ชมรายการ รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ คลิก
สวัสดิการของผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
เงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จ่ายผ่านบัตรกับร้านธงฟ้า เงินได้ไม่ถึง 3 หมื่นบาท/ปี ได้ 300 บาท สูงกว่านั้นได้ 200 บาท : เงินเข้าทุกวันที่ 1
เงินจ่ายค่าโดยสารสาธารณะ รถเมล รถไฟฟ้า 500 บาท รถ บขส. 500 บาท รถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน : เงินเข้าทุกวันที่ 1
ถ้าใช้น้ำไม่เกินเกณฑ์ รับเงินอุดหนุนค่าน้ำไปเลย 100 บาทต่อครัวเรือน : เงินเข้าทุกวันที่ 18 (เฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น)
ถ้าใช้ไฟไม่เกินเกณฑ์ รับเงินอุดหนุนค่าไฟไปเลย 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน : เงินเข้าทุกวันที่ 18 (เฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น)
นอกจากได้รับเงินอุดหนุนตามปกติแล้ว ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังได้รับเงินคืนจาก VAT อีกด้วย ส่วนวิธีรับเงินคืนคือ ใช้จ่ายซื้อของผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับร้านธงฟ้าหรือร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านเครื่อง EDC ที่มีการเชื่อมต่อระบบ POS
โดยเงื่อนไขคือผู้ถือบัตรคนจนจะได้เงินภาษีคืนสูงสุดไม่เกิน 500 บาท ทั้งนี้ เงินคืนภาษีทั้ง 2 ส่วน เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500 บาท แบ่งการคืนเป็น 2 ส่วนคือ
1. จำนวน 5% คืนเงินให้ผู้ถือบัตร โดยโอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) เงินส่วนนี้สามารถกดออกมาใช้หรือรูดซื้อของได้
2. จำนวน 2% แบ่ง 1% เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม อีก 1% เก็บเข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ของผู้ถือบัตร แต่ถ้าหากไม่มีบัญชีการออมก็จะมีการเปิดบัญชีเพื่อสะสมไว้
กำหนดการคืนเงินคือ ผู้ถือบัตรจะได้รับเงินคืน วันที่ 15 ของเดือนถัดไป (โดยกำหนดเวลาของโครงการคืนเงินนี้อยู่ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 – 30 กันยายน 2563)
พูดง่าย ๆ คือ ท่านจะได้รับเงินคืนในส่วนที่นำกลับใช้สอยได้คือ 5% ของการเงินที่ซื้อของไป เช่น จ่าย 100 บาท ได้เงินคืนเดือนถัดไป 5 บาท 200 บาท ได้ 10 บาท ถ้าหากอยากได้สูงสุด 500 บาท ต้องใช้จ่าย ประมาณ 7 พันบาท
**แต่ข้อควรระวังคือ หากซื้อของที่ไม่ต้องเสีย VAT เช่น ผักสด ผลไม้ เนื้อ จะไม่ได้รับเงินคืนนะจ๊ะ