อาหารไลฟ์สไตล์

“บัวลอยหมี่หยก บางขุนไทร” เมนูรับลมหนาวแรกของปี 22 ต.ค.นี้ หนึ่งเดียวในประเทศไทย

บัวลอยหมี่หยก เพชรบุรี เมนูรับลมหนาวแรก 22 ตุลาคม 2568 หนึ่งเดียวในประเทศ ที่กล้าผสมเส้นบะหมี่หยก เข้ากับตำนานขนมหวานขึ้นชื่อ

เมื่อสายลมหนาวแรกของปีพัดผ่าน “เพชรบุรี” ก็กลับมาหอมกรุ่นด้วยกลิ่นกะทิอุ่นและไอหวานจากบัวลอยอีกครั้ง เมืองหลวงแห่งขนมหวานปลุกชีวิตในชามเล็ก ๆ ให้กลายเป็นตำนานที่ละลายในปลายลิ้น แต่มีเพียงหนึ่งเดียวในแผ่นดินไทย ที่กล้าผสมเส้น บะหมี่หยก เข้ากับขนมบัวลอย จนเกิดรสสัมผัสที่ทั้งแปลกและงดงาม สูตรลับจากชาวจีนโพ้นทะเล ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างประณีต ฤดูหนาวนี้ หากได้ลิ้มรสบัวลอยหมี่หยกสักถ้วย ก็เหมือนได้ชิมความอบอุ่นของสองวัฒนธรรมที่หลอมรวมกันในกะทิหนึ่งชาม

ขนมบัวลอย ชื่อที่เรียบง่ายราวกับเสียงกลิ้งของเม็ดแป้งในถ้วยกะทิอุ่น แต่แฝงด้วยเสน่ห์ของความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง ราวบทกวีเก่าที่ไม่รู้ผู้แต่ง ต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้ไม่มีใครจารึกไว้อย่างแน่ชัด มีเพียงร่องรอยในจารึกเก่าสมัยอยุธยา สมัยพระนารายณ์ที่กล่าวถึง “ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย อ้ายตื้อ” สี่พี่น้องแห่งขนมไทยที่ใช้น้ำกระสายเดียวกันคือ น้ำกะทิ อันหอมมัน บ่งบอกถึงความละเมียดละไมของคนไทยตั้งแต่ครั้งยังไม่มีคำว่า “ของหวาน” อยู่ในพจนานุกรมชีวิต

“ไข่กบ” คือเม็ดแมงลัก “นกปล่อย” คือลอดช่อง “บัวลอย” คือข้าวตอก และ “อ้ายตื้อ” คือข้าวเหนียว ทั้งสี่ร่วมสายโลหิตเดียวกันในโลกของขนมโบราณ น้ำกะทิเปรียบเสมือนเลือดในร่างขนม ข้น หอม มัน และเย้ายวนจนคนทั้งชาติจำกลิ่นได้แม้ในความฝัน
แม้ไม่มีใครบันทึกว่าผู้ใดคือผู้ให้กำเนิดบัวลอย แต่ขนมลูกกลมเล็กนี้กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยอย่างแนบแน่น เป็นขนมที่อบอุ่นเหมือนอ้อมแขนของแม่ เหมาะจะกินในวันที่ลมหนาวพัด และเหมาะจะคิดถึงในวันที่ใจเหน็บหนาว

“เพชรบุรี” เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก เมืองหลวงแห่งขนมหวาน คือ บ้านของบัวลอยที่มีชีวิตที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ยามฤดูหนาวมาเยือน ร้านบัวลอยจะผุดขึ้นทั่วเมืองราวดอกไม้ผลิบานในยามเย็น มีทั้งหลากหลายสูตร น้ำกะทิ ไข่หวาน บัวลอยเผือก หรือแม้แต่บัวลอยฟักทอง แต่ละร้านขายเพียงสามถึงสี่เดือนต่อปี ก็อยู่ได้ทั้งปี ราวกับว่าฤดูหนาวคือฤดูเก็บเกี่ยวความสุขของพวกเขา

เมื่อพ้นฤดูหนาว ร้านก็ปิด เงียบ เหมือนบทเพลงที่จบลงตรงท่อนที่ไพเราะที่สุด เพราะคนเพชรเชื่อว่า บัวลอยต้องกินในหน้าหนาวเท่านั้น ราวกับความอบอุ่นในชามกะทิจะเข้ากันได้ดีกับลมหายใจเย็นของเหมันต์ แต่ในบรรดาร้านนับ 100 แห่ง ปรากฏว่า มีร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในตำบลบางขุนไทร อำเภอบ้านแหลม ที่ทำให้คนทั้งเมืองต้องหันมามอง เพราะเขาใช้ “บะหมี่หยก” เส้นคาวจากโลกของอาหารจีนมาแทน “เม็ดแป้งบัวลอย” ในขนมไทย

และน่าแปลกที่รสชาติกลับกลมกล่อม ละเมียด และนุ่มนวลราวกับทั้งสองวัฒนธรรมรอวันที่จะได้พบกันมานาน โดยเจ้าของร้านเล่าว่า สูตรนี้สืบทอดมาจากชาวจีนโพ้นทะเลรุ่นปู่ย่าที่หนีความยากจนจากแผ่นดินใหญ่มาฝากชีวิตบนแผ่นดินไทย พกติดตัวมามีเพียงความขยันและความเชื่อว่าความอร่อยจะพาให้คนอยู่รอด

กรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า วันที่ 22 ตุลาคมนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้ง นั่นหมายถึงฤดูกาลของบัวลอยกำลังจะเริ่มต้นใหม่ ถ้าใครผ่านเมืองเพชร อย่าลืมแวะชิมบัวลอยสักถ้วย ไม่ว่าจะเป็นสูตรดั้งเดิมหรือสูตรบะหมี่หยก เพราะนั่นอาจไม่ใช่แค่ขนม แต่คือรสชาติของกาลเวลา กลมกล่อม อ่อนโยน และหอมหวานราวความทรงจำในคืนหนาวแรกของปี.

บัวลอยหมี่หยก บางขุนไทร
ภาพ @Sumnakkaow.PRD

ที่มา : NBT Connex

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button