“หมอของขวัญ” โดดร่วมวง กางประวัติเพจคลินิก สวน “ญาญ่า” ไม่เกี่ยว “เม พรีมายา” จริงหรือ

“หมอของขวัญ” โดดร่วมวงดราม่า “เม พรีมายา” กางไทม์ไลน์-หลักฐาน สวนคำชี้แจงของอีกฝ่าย ชี้เพจคลินิกแค่เปลี่ยนชื่อ ไม่ได้สร้างใหม่ พร้อมถาม “ขายหุ้นแล้วทำไมยังมีแชตแบ่งเงินปันผล”
มหากาพย์ดราม่าธุรกิจคลินิกของ “เม พรีมายา” ลุกลามบานปลายอีกครั้ง เมื่อ “หมอของขวัญ” พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดไทม์ไลน์และหลักฐานที่อ้างว่าอยู่ในมือ เพื่อสวนกลับคำชี้แจงของฝั่งอดีตหุ้นส่วนที่ไปออกรายการโหนกระแส
“หมอของขวัญ” เริ่มต้นด้วยการโพสต์รูปภาพการเปลี่ยนชื่อของเพจ Dermatige Aesthetics โดยหมอของขวัญระบุข้อความพร้อมกับตั้งคำถามว่า “Primya Clinic ไม่เกี่ยวกับ Dermatige Clinic เป็นเอกเทศกันเลย ญ่าและหมอ 3 คนทำขึ้นมาใหม่เอง หรอคะ หรอคะ หรอคะ”

จากนั้น หมอของขวัญ ได้โพสต์รูปภาพแชตกลุ่มไลน์ของ Primya Clinic ซึ่งมีทั้งสมาชิกทั้ง 7 คน โดยมีทั้งคุณญาญ่า หมอต่อ หมอกลาง เม และแซคอยู่ในนั้นด้วย โดยเป็นการสนทนาเกี่ยวกับผู้ถือหุ้น ด้านหมอของขวัญระบุแคปชั่นว่า “ประเด็นแรก ฝากหุ้นหรือขายขาด หลักฐาน – ถ้าขายขาดจะมีแชตนี้ขึ้นมาได้ยังไง เหตุผล – ถ้าชั้นเป็นเมนะ ง่าย ๆ เลย ถ้าบริษัทอาหารเสริมชั้นมีปัญหา รายได้ขาดแล้ว ชั้นจะเอาหุ้นคลินิกไปขายในราคา 3แสนบาททั้ง ๆ ที่เปิดวันแรกก็ได้เป็นล้านแล้วมั้ย หรือจะกอดหุ้นไว้แน่น ๆ ถ้าเป็นคุณ คุณจะ…”


ต่อมา หมอของขวัญ ได้ไล่ไทม์ไลน์สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดหลังจากที่คุณญาญ่าชี้แจงไปในรายการโหนกระแสว่า “อ่ะมานักเรียน สรุปตามหลักฐานที่มีในมือนะ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้โพสไม่ใช่เพราะว่ารู้จักในวงการแพทย์หรอก แต่อยากเห็นคำชี้แจงและหลักฐานของอีกฝั่งก่อนที่จะสรุป ถึงแม้จะรู้จักกัน แต่ทำผิดก็ไม่คิดเข้าข้างค่ะ
พ.ย. 2021 เม 30% ญาญ่า 30% หมอต่อ 30% หมอกลาง 10% หุ้นกันเปิดคลินิกชื่อ Primya Clinic สาขาสยาม และเปิดทองหล่อต่อมา
พ.ค. 2022 มีการจัดงานเปิดตัว Primya Prime Clinic สาขาเลียบด่วน ( ที่มีนักร้องดังใบเตยปรากฏภาพในงานเปิดตัว) เป็นคลินิกเวชกรรมซึ่งสาขานี้ต่อไปจะเปลี่ยนชื่อเป็น Dermatige(ในสถานที่เดียวกันนี่แหละ) ในระหว่างนี้ ได้มีการ เสนอให้หุ้นหมอกลางเพิ่มอีกคนละ 5% โดยที่เมเป็นคนให้หุ้นหมอคนแรกรวมกันถือหุ้น 4 คน คนละ 25% เท่ากัน
ปลายปี 2022 ตกลงกันจะปิดสาขาทองหล่อ
ม.ค. 2023 เม โดนคดีพรบ. คอมโฆษณาเกินจริงลงทุน 6,000 บาททำรายได้ 15 ล้าน และคดี มีสารอันตรายในอาหารเสริม โดยคดีสิ้นสุด อัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีศาลอันตราย ส่วนคดีพรบคอม ศาลตัดสินรอลงอาญา ซึ่งจะครบวันที่ 10 ตุลาคม 2025 นี้
ก.พ. 2023 Facebook Primya Clinic เปลี่ยนชื่อเป็น Dermatige Clinic รวมถึงช่องทางโซเชียล และไลน์ลูกค้าทั้งหมดของ Primya Clinic (รูปในคอมเมนต์ที่ 1)

ประเด็นนี้ มีเรื่องพูดจาไม่ตรงกัน
– เม บอกว่าหลังจากมีเรื่องคดีหุ้นส่วนเสนอให้เมลาออกจากกรรมการและฝากหุ้นไว้กับเพื่อนทั้ง 3 คน โดยทำเอกสารทั้งหมดให้ถูกต้องเหมือนขายหุ้นเพื่อเลี่ยงการเชื่อมโยงหากมีคดีฟอกเงิน แต่ยังได้รับปันผลและจริงๆก็ยังถือหุ้นดังเดิมเพียงแต่ไม่ออกหน้า
– ญาญ่าบอกว่าเมย์เสนอขายหุ้นคลินิก 25% ในราคา 300,000 บาทซึ่งทุกคนจ่ายเงินสดให้เมย์คนละ 108,000 บาท และไม่มีคอนดิชั่นซื้อคืน
พ.ย. 2023 ยังปรากฏเอกสาร แชต Line ที่มีการแบ่งเงินปันผลกัน 6 ล้านบาท ที่เมย์เอามาเปิดโชว์ในโหนกระแสและทนายพยายามจะเกี่ยวโยงไปว่าเป็นแชทปลอมหรือไม่ (รูปในคอมเมนต์ที่ 2)

ก.ค. 2024 ปรากฏแชตไลน์ที่ทางเมโพสต์ถึงรายได้บริษัทสูงสุดไปจนถึง 45 ล้านบาทต่อเดือน และหลังจากเมทวงถาม ขอดูบัญชีบริษัท DMT ที่ตนมีหุ้น 25% ภายใต้ชื่อน้อง กลับไม่ได้ เอกสารบัญชี แต่กลับถูกเตะออกจากกลุ่มสำคัญของคลินิกทุกกลุ่ม จนไม่สามารถเช็ครายได้หรือเงินคงค้างในบริษัทที่มีหลายล้านได้ (รูปในคอมเมนต์ที่ 3)


ส.ค. 2024 ปรากฏแชตไลน์ ในการตกลงกันว่าจะโอนหุ้นคืนเมโดยการให้นอมินีมาถือหุ้นอย่างไรเท่าไหร่ โดยในกลุ่มนั้นปรากฏแชทไลน์ของหมอทั้งสองด้วย โดยเป็นการยื่นข้อเสนอให้ถือหุ้น 25% แต่จะไม่ได้หุ้นในสาขาใหม่ แต่ไม่ได้มีการตกลงกันเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า Dermatige (รูปในคอมเมนต์ที่ 4)

ส.ค. 2024 ปรากฏ ญาญ่าหมอต่อหมอกลางเปิดบริษัทใหม่ชื่อ Dermaway ซึ่งเป็นบริษัทที่ลูกค้าสาขาใหม่โอนเงินเข้า ซึ่งบริษัทนี้ไม่มีเมหุ้น (รูปในคอมเมนต์ที่ 5)

พ.ย. 2024 เม เข้าไปที่ Dermatige สาขาเลียบด่วน ( ซึ่งเคยเป็น Primya Prime มาก่อน) และได้ถูกแจ้งบุกรุก หมิ่นประมาทและพรบ คอม
2024-2025 เม ได้เก็บหลักฐานการใช้ทรัพย์สินของบริษัทเดิมแต่มีการโอนเงินจากลูกค้าเข้าบริษัทใหม่หรือไม่ หรือมีการใช้เงินของบริษัทเดิมเพื่อบริษัทใหม่หรือไม่ มีการปิดสาขาที่อยู่ภายใต้บริษัทที่มีมีหุ้น และเปิดสาขาใหม่ที่บริษัทที่ไม่มีหุ้นเพื่อบีบให้หุ้นของเมไม่มีค่าลงไปเรื่อย ๆ หรือไม่
มิ.ย 2025 มีการปิดบัญชีและปิดบริษัทที่เมมีหุ้นภายใต้ชื่อของน้องสาว โดยที่เมไม่รับรู้การประชุมนี้ ถ้ารู้เมก็ต้องไม่ให้ปิด เพราะเงินเมก็อยู่ในนั้น บัญชีก็ยังไม่เคลียร์ แต่ญาญ่าบอกว่าเมรับรู้ แล้วปิดเลย (รูปในคอมเมนต์ที่ 6)

ส่วนตัวนะ ผู้ลงทุนแรกคือผู้ถือหุ้น เขาคือเจ้าของบริษัท ที่แบกรับความเสี่ยงมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตามที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถทำงานในบริษัทได้ก็แค่ให้คนทำงานรับเงินเดือนไป แต่การจะเปิดบริษัทค้าแข่งในธุรกิจเดียวกัน แล้วโยกทุกอย่างไปเพื่อให้หุ้นส่วนคนนึงต้องไม่มีปากไม่มีเสียงแล้วฝ่อไปเอง ไม่ต่างอะไรกับ “โกง”หรือไม่ แต่เลือดเย็นกว่าถ้าทำกับคนที่เคยเรียกว่า “เพื่อน”
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และทองแท้ไม่กลัวไฟ ใครทำอะไรรู้อยู่แก่ใจแน่นอนค่ะ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
@
@
@
ติดตาม The Thaiger บน Google News: