ว่ายังไง ! อ.ปวิน หนนี้สวนแรง สรยุทธ ปมส้มเด้งป้องอนุทิน งงตรรกะ ตำหนิให้เท่ากัน

ดิชั้นก็มองแบบคนกลางค่ะ ! อ.ปวิน สวน สรยุทธ กรรมกรข่าว กรณีหลุดวิวาทะ จี้ปมสภาล่ม เซ่นร่างพ.ร.บ.กฎหมายสะอาด สะดุด ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ฟาดตรรกะสื่อรุ่นใหญ่ทำไมต้องตำหนิให้เท่ากัน ตอกย้ำเกมการเมืองไทยนอกสภายังเดือดได้อีก
จากกรณี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ไปเปิดวิวาทะเมื่อ 26 ก.ย.2568 ที่ผ่านมา ระบุพาดพิงถึง “พรรคประชาชน” กับ พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายสำคัญอย่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ล่าสุดที่ประชุมสภาประคององค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งมาได้อย่างทุลักทุเล และที่ประชุมพิจารณาถึงมาตรา 22 พบมีสส. ร่วมลงมติด้วยการกดบัตร 245 คน
และขานการลงคะแนน 1 คน ผลคือ เห็นด้วย 245 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ทำให้ถูก สส.พรรคประชาชน ทักท้วงให้ตรวจสอบ กระทั่งมีการตรวจสอบผ่านการย้อนดูเทปบันทึกภาพการประชุม พบว่า มี สส. ลงคะแนนเพิ่มเติมด้วยวาจา เห็นด้วย แต่ปรากฎว่าใช้สิทธิออกเสียงแล้ว คือ หมายเลข 68 เป็นอันว่าที่ประชุมไม่ครบองค์ประชุมในมาตรา 22 ฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง จึงขอปิดการประชุมเมื่อ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมารายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ของสรยุทธ มีการจั่วหัว เล่นเกมการเมืองกับ ชีวิตประชาชน “กฎหมายอากาศสะอาด” เดือด!! ฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูก พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ตามสไตล์ในฐานะ “คนกลาง” ตัวอย่างช่วงหนึ่งคนข่าวอาวุโสมีการวิเคราะห์โดยหลุดทำนองอุทานว่า “ตอนที่หยุดไปมันขาดไปหนึ่งเองนะ !” ภูมิใจไทยมา คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภท. อยู่ในที่ประชุมชัดเจน ทำไมถึงไม่ลงมติก็เป็นข้อสงสัยของพรรคเพื่อไทยได้เหมือนกัน ? เพื่อจะให้ล่ม-เลี่ยงที่จะให้พูดเรื่องหลุมยุบ เพื่อจะไม่ต้องอภิปรายถึงซิโนไทยซึ่งมองในมุมนี้ก็ได้อีกเช่นกัน ซึ่งต้องรอพรรคภูมิใจไทยมาตอบโต้หลังจากนี้
สรยุทธยังกล่าวต่อว่า ขณะที่ฝั่งของพรรคพท. อ้างรัฐบาลเพื่อไทยก็กะร่องกะแร่งแบบนี้ เกินมา 5 เสียง 7 เสียง ไม่เคยไปถามหาความรับผิดชอบของฝ่ายค้าน ส่วนพรรคประชาชนมาเต็มไปหมด แต่ไม่แสดงตัว โดยรอให้องค์ประชุมรัฐบาลหามาให้ได้ก่อนแล้วถึงโหวตด้วย
“ครั้งนั้น รัฐบาลต้องหาองค์ประชุมให้ครบไม่เคยไปว่าฝ่ายค้าน ตอนนี้รัฐบาลห่วงกับพรรคปชน. 311 เสียง ตัวเองมาไม่ครบไปแล้วไปโทษคนอื่นได้ยังไง ! ก็เป็นอีกมุมหนึ่ง แต่เนื่องจากอย่างที่แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ว่า เป็นประเด็น คือ พ.ร.บ.กฎหมายสะอาด เนื่องจากเป็นกฏหมายสำคัญ”
ไฮไลท์ต่อมาคือ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยกตัวอย่างความเห็นการเมืองจากทางบ้าน โดยระบุว่า บางคนก็อาจจะอ้างได้ว่าส้มเล่นการเมืองด้วยการเด้งปกป้องอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพราะเท่ากับช่วยให้ไม่ถูกถามเรื่องหลุมยุบ บางคนก็บอกว่าเพื่อำไทยเล่นการเมือง แล้วต่อไปอย่าไปหาเสียงเรื่องกฎหมายสะอาด !
” เอ้า ว่ายังไง ” สรยุทธ กล่าวไว้อย่างเผ็ดมันในกรรมกรข่าว เมื่อ 26 ก.ย.68 (ไปดูคลิปเต็ม)
ขณะที่ ศ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ! เห็นต่าง ย้ำ “ก้นบึ้งสำคัญที่สุด” คือ เข็นให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ผ่านสภาเพราะสำคัญกับชีวิตคนจริงๆ
“ดิชั้นก็มองแบบคนกลางค่ะ มากกว่านั้น มองแบบใช้ Common Sense นักเรียนทำงานที่ครูมอบหมายร่วมกัน กลุ่มน้ำเงิน (หัวหน้ากลุ่ม) และกลุ่มส้มมาร่วมทำงานที่มอบหมายเกือบทั้งหมด แต่กลุ่มแดงหายแทบทั้งกลุ่มจนงานที่มอบหมายพัง แถมเป็นงานที่กลุ่มแดงเป็นคนไปเสนอคุณครูเองด้วย”
พอกลุ่มส้มตำหนิกลุ่มแดงว่า “ไร้ความรับผิดชอบ” กลายเป็นกลุ่มส้มผิด ! ที่ไม่สามารถจี้ให้หัวหน้ากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมา ผลักดันให้งานเสร็จลุล่วงไปได้โดยไม่ต้องมีกลุ่มแดงเข้ามาช่วย
แล้วสรยุทธยังมาแซะว่า ทำไมส้มไม่ตำหนิน้ำเงินบ้าง “เกินเหตุแล้วนะเนี่ย” ที่บอกว่าให้มองแบบ common sense คือ กลุ่มที่ผลักดันเรื่องนี้ แต่กลับไม่มาช่วยทำงานให้ผ่าน ก็ต้องได้รับการตำหนิมากที่สุด ที่สำคัญคือ อะไรคือตรรกะของการตำหนิว่า ต้องตำหนิให้เท่ากัน ด่าแดงแล้วต้องด่าน้ำเงิน ทำไมสรยุทธเป็นนักข่าวที่ไร้ common sense แบบนี้
“วันนั้นก็เอาสำเนียงเขมรมาล้อ วันนี้ ช่วยกลบเกลื่อนคนทำผิด โดยการโบ้ยความรับผิดชอบไปที่ส้ม ที่มีสมาชิกมาลงคะแนนเสียงถึง 90% ค่ะ อ่านชัดๆ 90%”
ไม่ได้แดXXX ส้ม อะไรหรอก เพราะตอนส้มช่วยตั้งอนุทินก็ด่าไปมากแล้ว
แต่เรื่องนี้ต้องย้ำอีกทีว่า ก้นบึ้งที่สำคัญที่สุดก็คือ การต้องเข็นให้ พรบ อากาศสะอาดมันผ่าน เพราะมันสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ แล้วทำไม สส หลายตัวจากฝั่งแดงจึงไม่มา มันเป็นความรับผิดชอบของพวกคุณไม่ใช่หรอ จุดนี้ต่างหากที่สรยุทธต้องหยิบขึ้นมาพูด ไม่ใช่มาจิกกัดส้มเรื่องต้องด่าคนอื่นๆ แบบเท่าๆ กัน

ถึงตรงนี้ จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฯ กล่าวว่า ไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือกฎหมายของใครที่จะทวงคืนอากาศบริสุทธ์ให้คนไทย อยากให้แยกประเด็นพรรคการเมือง บรรยากาศการเมือง ขอวิงวอนในฐานะประชาชนคนไทย พวกท่านคือผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ มีศักดิ์ มีสิทธิ์ มีเสียง ในการผ่านกฎหมายนี้ไปสู่การบังคับใช้ เพื่อทวงคืนอากาศบริสุทธิ์
“ผมเองยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และทำงานเต็มที่เพื่อพ่อแม่พี่น้อง อยากให้แยกประเด็น ขอความร่วมมือ ขอความเห็นใจ เพราะกฎหมายฉบับนี้เราทำงานมา 1 ปี 8 เดือน เราต่อสู่ ผลักดัน เป็นสิ่งที่เราพยายามกลั่นให้มีความครบถ้วน ทำให้กฎหมายต้องโหวตแบบรายมาตรา ชวนมาร่วมกันทำให้กฎหมายนี้ผ่านร่วมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุด”
จักรพล กล่าวด้วยว่าหากเวลานี้มีวาระที่สำคัญเร่งด่วน ทาง กมธ. เห็นว่า ถ้าไม่เลื่อนอีกในวันพุธถัดไป ก็จะพิจารณาต่อ ทาง กมธ. ก็สามารถรับได้
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งในรายการข่าวของสรยุทธได้หล่นวิเคราะห์โดยมั่นใจลึกๆ ว่า อย่างไรเสีย ตัวเองเชื่อว่าสัปดาห์หน้าร่างพ.ร.บ.กฎหมายสะอาดจะผ่านมติสภาได้ไม่ยาก ก่อนจะแกล้งสารภาพกลางรายการว่า การเมืองที่ทุกคนอาจไม่เคยเจอะเจอในบ้านเรา ที่สภาพเป็น 3 เศร้าแบบสามก๊ก ถามว่า ส้มปกป้องอนุทิน พยายามจะบอกเกี่ยวข้องกับซิโนไทย ก็ไม่เชิงซะทีเดียว ก็ไม่ถึงจุกดนั้น แต่ภท.ก็น่าคิกว่า ตอนนั้นทำไมคุณกรวีร์ ถึงไม่ลงมติ แล้วเสียงขาดไปเสียงเดียว ?
นอกจากนี้จู่ๆ ยังมีคนส่งข้อความตำหนิรายการผู้สื่อข่าวอาวุโสด้วยว่า “เป็นสื่อนำเสนอเอียงข้าง” อีกฝ่ายจึงกล่าวทันทีในรายการสดเมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ว่า คุณอยู่ฝ่ายแดงใชไหม ! จากนั้นยืนกรานตนนำเสนอข้อมูลแบบตรงไปตรงมา และย้ำด้วยว่าคงไม่มีรายการไหนที่จะสรุปตั้งแต่ต้นจนจบ ! ครบถ้วนกระบวนความได้เท่านี้เช่นกัน.

ดูข่าวการเมืองอื่นๆ เพิ่มเติมที่นี่
- พ่อหมอกฤตไท ย้ำความตั้งใจลูกนายแพทย์ผู้ล่วงลับ อากาศสะอาด คือสิทธิ์ของทุกคน
- นายกฯ อนุทิน กราบเท้าพ่อแม่ เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนเข้าทำงานที่ทำเนียบฯ เป็นวันแรก
ติดตาม The Thaiger บน Google News: