เจ้าคุณธีรวิทย์ แง้มงบ วัดใหญ่ รายจ่ายหลักแสน ซ่อมโบราณสถาน 20 ล้าน

เจ้าคุณธีรวิทย์ เปิดงบที่คนไม่เห็น รายจ่ายวัดหใญ่ หลักล้านต่อปี ซ่อมใหญ่อาจแตะ 20 ล้าน เรียกรัฐตรวจอย่าง “กัลยาณมิตร”
ยามนี้กระแสโลกออนไลน์ลุกฮือด้วยคำถามหนักหน่วงในวงการผ้าเหลืองสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ทำไม “พระรวยจัง”, “วัดมีเงินหลายสิบล้านยังต้องทำบุญอีกหรือ”, “เอาเงินไปช่วยโรงเรียนหรือโรงพยาบาลดีกว่าไหม” เสียงวิพากย์วิจารณ์เหล่านี้ ดังก้องสะท้อนทุกครั้งหลังมีข่าวทำไม วัดใหญ่ในเมืองหลวง ถึงมีเงินฝากก้อนโตหลายล้านบาท?
เช้าวันนี้ พระวัฒนวชิรเมธี (ธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช) หรือ “เจ้าคุณธีรวิทย์” อดีตรองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กชวนมอง“วัด (ใหญ่ๆ) รวย…จริงหรือ? แบบ 360 องศา เปิดมุมที่สาธารณะมักไม่เห็น และไม่ใช่ทุกบาททุกสตางค์จะถูกเข้าใจถูกทิศถูกทาง
เงินวัดไม่ใช่เงินเจ้าอาวาส ใช้เพื่ออาราม พระศาสนา สาธารณประโยชน์
ประเด็นแรกที่ท่านย้ำชัด ทรัพย์ของวัด คือเงินเพื่อกิจการในอาราม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และงานสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่กัปปิยปัจจัยส่วนตัว ของเจ้าอาวาสหรือพระรูปใด การใช้จ่าย ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบคณะสงฆ์ และธรรมเนียมของพระอาราม กระบวนการที่มีกรอบ มีเกณฑ์ และมีความรับผิดชอบ
จากประสบการณ์ภาคสนามของท่าน วัดใหญ่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งมี พระและเณรกว่า 50 ถึง 80 รูป, แม่ชี 15 ถึง 20 คน, ศิษย์วัด 30 คน, รวมถึง คนงาน ที่ดูแลงานสารพัด ยังไม่นับ สุนัขกับแมวจร ที่วัดรับอุปการะ ล้วนมีค่าใช้จ่ายประจำทุกเดือน และจำนวนไม่น้อย

ค่าอาหารวันละ 2 มื้อ สำหรับพระ เณร แม่ชี ศิษย์วัด คนงาน ฯลฯ
- ราว 200,000–300,000 บาท/เดือน (บางช่วงมีงานศาสนาพิเศษ ค่าใช้จ่ายจะพุ่งขึ้น)
ค่าน้ำ ค่าไฟ สำหรับพระอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอาคารประกอบต่าง ๆ
- ราว 150,000–200,000 บาท/เดือน (ไม่รวมกุฏิส่วนตัวที่พระ–เณรรับผิดชอบเอง)
ค่ายาและรักษาพยาบาล โดยเฉพาะกรณีฉุกเฉิน
- ราว 30,000–50,000 บาท/เดือน
ค่าใช้จ่ายกิจกรรมพระพุทธศาสนา วันสำคัญ งานประเพณี อบรมปฏิบัติธรรม
- ครั้งละราว 50,000–100,000 บาท
เมื่อนำมารวมกัน ค่าใช้จ่ายประจำเดือนอาจเกิน 500,000 บาท และเมื่อคูณ 12 เดือน ยอดทั้งปีทะลุ 6 ล้านบาท ยัง ไม่รวม ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและการบูรณะซ่อมแซมอาราม
“ซ่อมใหญ่” ไม่ใช่งานเล็ก โบราณสถานต้องช่างฝีมือ เทคนิคเฉพาะ
วัดคือที่ตั้งของ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ และอาคารเก่าที่เป็นโบราณสถาน งานซ่อมใหญ่—เช่น บูรณะพระอุโบสถหรือวิหารเก่า ต้องอาศัย เทคนิคเฉพาะและช่างมีฝีมือ วัสดุคุณภาพสูง ราคาย่อมต่างจากงานซ่อมทั่วไป ตัวเลขจึง “หนา” อย่างเลี่ยงไม่ได้
กิจการคณะสงฆ์ 6 ด้าน ภารกิจที่กว้างกว่าที่คิด
เงินวัดยังต้องรองรับ พันธกิจคณะสงฆ์ตามกฎหมาย ครบ 6 ด้าน ซึ่งท่านไล่เป็นข้อ ๆ ให้เห็นภาพชัด
- การปกครอง—ดูแลพระ–เณรและกิจการภายในวัดให้อยู่ในพระธรรมวินัย
- การศึกษา—สนับสนุนพระปริยัติธรรมและการศึกษาสามัญของพระ–เณร
- การเผยแผ่—จัดกิจกรรมธรรมะ อบรมเยาวชน เผยแพร่ผ่านสื่อสมัยใหม่
- สาธารณูปการ—บูรณะกุฏิ ศาลา ถนน ระบบน้ำ–ไฟ ให้พร้อมใช้
- การศึกษาสงเคราะห์—ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนยากจน
- สาธารณสงเคราะห์—ช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ
เหนือจากในรั้ววัด เจ้าอาวาสจำนวนมากยังมีภาระงานคณะสงฆ์ระดับพื้นที่ ตั้งแต่ เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค ต้องคอยเป็นกำลังให้วัดอื่น ๆ ในปกครอง ท่านไม่ได้เป็นเพียง “ปฏิคาหก” (ผู้รับ) แต่ยัง ต้องเป็น “ทายก” (ผู้ให้) อยู่เสมอ

เงินสำรอง 50–60 ล้าน “เหลือเฟือ” จริงหรือ? คำตอบคือ “พอ” แค่ 4-5 ปี
ตัวเลขที่สังคมเห็นว่า “สูง” อย่าง 50–60 ล้านบาท สำหรับวัดใหญ่นั้น เมื่อเทียบกับ รายจ่ายประจำปีระดับ 6–7 ล้านบาท บวก ความเสี่ยงเรื่องซ่อมใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งก็ หลักสิบล้าน เงินก้อนนี้เพียงพอต่อการพาวัดดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้ราว 4–5 ปี หาก ไม่มีรายได้สนับสนุนเพิ่มเติม จึง ไม่ใช่เงินเหลือเฟือ อย่างที่เข้าใจกัน
แม้พระสงฆ์ส่วนใหญ่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ความเสี่ยงก็มีจริง บุคคลที่เข้ามาในบทบาทกรรมการวัดหรือดูแลทรัพย์สิน โดยหวังประโยชน์ส่วนตน อาจบั่นทอน ความโปร่งใส หากขาดการตรวจสอบร่วมกันอย่างถูกต้อง ภาระนี้ เจ้าอาวาสต้องแบกรับ ทั้งบริหารงาน ทั้งรักษาศรัทธา
ท่าน “อนุโมทนา” เจตนาดีของภาครัฐที่เข้ามาช่วยตรวจสอบ แต่เสนอให้ทำด้วยท่าทีแห่ง กัลยาณมิตร เคารบบทบาทพระดี–พระแท้ ที่ยังมีอยู่มากในสังฆมณฑล การทำงานร่วมกันด้วยความเข้าใจ จะเสริมศรัทธา มากกว่าก่อความระแวง
“นิสมฺม กรณํ เสยฺโย” — การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ย่อมดีกว่า ข้อเตือนใจที่ท่านฝากถึงทั้งผู้วิจารณ์วัด และผู้ตั้งใจเข้ามาดูแลกิจการคณะสงฆ์
บทสรุป ทุนสำรองเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
เงินหลายสิบล้านของวัดใหญ่ อาจดูมหาศาลในสายตาคนทั่วไป แต่เมื่อชำแหละลงไปถึง ภาระรายเดือน–รายปี, งานบูรณะ, งานศึกษา สาธารณกุศล, และ พันธกิจ 6 ด้าน จะเห็นว่า ทรัพย์นี้คือ “ทุนสำรองเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา” เมื่อศาสนามั่นคง ศาสนาก็สร้างคน และ คนก็พัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ กรณีศึกษานี้หมายถึง “วัดใหญ่” ในเมืองหลวงที่มีอารามิกอยู่รวมกันเป็น “ร้อยชีวิต” ราวหมู่บ้านหนึ่ง ส่วน วัดเล็ก วัดชนบท ย่อมมีสภาพและโจทย์ที่แตกต่างกันไป ต้อง นิสฺสํม ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจหรือวิจารณ์ใด ๆ เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ งอกงามเป็นศรัทธา มากกว่าความคลางแคลง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ “วรสุดา มั่นประเทศ” สาวผู้ถือครองที่ดินวัด ปมขัดแย้งเงินบริจาค?
- วัดพระบาทน้ำพุ 2568 บริจาคอะไรได้บ้าง เปิดรายการสิ่งของ ช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วย 2 พันชีวิต
- หมอบี ขอโทษ ดร.ตฤณห์ เปิดใจสื่อหนแรก ยันปมเงินบริจาคหลังให้ปากคำ 6 ชม.
อ้างอิง : FB/Teerawit Sukhontavaranon
ติดตาม The Thaiger บน Google News: