ข่าว

เฉลยแล้ว “ลูกไฟตกจากฟ้า” คืออะไร สมาคมดาราศาสตร์ไทยมีคำตอบ

เฉลยแล้ว! ลูกไฟปริศนาที่เห็นบนท้องฟ้าหลายจังหวัดคืออะไร สมาคมดาราศาสตร์ไทยมีคำตอบ พร้อมไขทุกข้อสงสัย “ผีพุ่งไต้” ที่ถูกต้องเขียนอย่างไร?

สมาคมดาราศาสตร์ไทย รายงานว่า ท้องฟ้าหลายจังหวัดสว่างวาบกลางดึก เมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.25 น. ของวันนี้ (4 ส.ค. 68) มีผู้พบเห็น ลูกไฟขนาดใหญ่สว่างเจิดจ้าพาดผ่านท้องฟ้า พร้อมทั้งมีรายงานการได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงระเบิดตามมาในหลายพื้นที่ จนเกิดเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียล ล่าสุด สมาคมดาราศาสตร์ไทย ได้ออกมาไขข้อข้องใจถึงปรากฏการณ์ดังกล่าวแล้ว

ต่อมา ทางด้านของเพจเฟซบุ๊ก สมาคมดาราศาสตร์ไทย ได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้นว่า จากคลิปวิดีโอที่ประชาชนส่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก สันนิษฐานว่าอาจมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยภาพบางส่วนที่เห็นนั้นมีลักษณะเป็นโดรนอย่างชัดเจน แต่ภาพส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นลำแสงสว่างวาบพุ่งผ่านท้องฟ้านั้นคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ลูกไฟ” (Fireball)

สมาคมดาราศาสตร์ไทยสันนิษฐานเบื้องต้นว่า มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน
ข้อมูลจาก : สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ถอดรหัสศัพท์ดาราศาสตร์ ที่เห็น “ลูกไฟตกจากฟ้า” เรียกว่าอะไรกันแน่?

เมื่อวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลา 02.16 น. สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้เผยแพร่บทความเรื่อง “เมื่อหินอวกาศตกมาจากฟ้า เราจะเรียกมันว่าอะไร” ซึ่งเขียนโดย คุณวิมุติ วสะหลาย เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2565 และมีการปรับปรุงล่าสุดในวันเดียวกันนี้ เพื่ออธิบายความสับสนในการเรียกชื่อวัตถุจากห้วงอวกาศที่พุ่งเข้าสู่บรรยากาศโลก

เมื่อแสงไฟลึกลับพุ่งผ่านหมู่ดาว ความคิดแรกของผู้คนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า ดาวตก ส่วนคนเฒ่าคนแก่อาจเรียกขานมันด้วยชื่อที่ดูน่าเกรงขามกว่าอย่าง ผีพุ่งไต้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองชื่อนี้คือสิ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์

ดาวตก ไม่ใช่ดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าตามชื่อของมัน หากแต่มันคือปรากฏการณ์ของแสงที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุแข็งจากอวกาศ ซึ่งอาจมีขนาดเล็กเพียงเม็ดทรายหรือเมล็ดถั่ว พุ่งทะยานเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกด้วยความเร็วมหาศาล แรงอัดอากาศอันรุนแรงได้สร้างความร้อนสูงให้กับวัตถุนั้น จนมันลุกโพลงและส่องสว่างเป็นทางยาวให้เราได้เห็นนั่นเอง

สำหรับคำว่า ผีพุ่งไต้ มีข้อควรระวังในการสะกดคือคำว่า “ไต้” ที่ถูกต้องนั้นต้องใช้สระไอไม้มลาย (ไ) ไม่ใช่ไม้ม้วน (ใ) เพราะ “ไต้” ในที่นี้หมายถึงคบไฟที่ใช้จุดให้แสงสว่างในสมัยโบราณ ภาพของแสงไฟที่พุ่งผ่านความมืดจึงเป็นที่มาของชื่อนี้ แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้หลายคนอาจเข้าใจผิดและสะกดเป็น “ผีพุ่งใต้” ซึ่งไม่ถูกต้องตามความหมายดั้งเดิม

เฉลยลูกไฟตกจากฟ้า หลายจังหวัด
ข้อมูลจาก : สมาคมดาราศาสตร์ไทย

เมื่อดาวตกสว่างกว่าปกติ กำเนิด “ลูกไฟ”

แล้ว ลูกไฟ คืออะไร? ลูกไฟก็คือดาวตกที่มีความสว่างมากเป็นพิเศษ แต่ความยุ่งยากกลับอยู่ที่การนิยามว่าต้องสว่างมากเพียงใดจึงจะถูกยกระดับให้เป็นลูกไฟได้ ในทางปฏิบัติยังไม่มีข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว นักดาราศาสตร์มักยึดเอาความสว่างของดาวศุกร์ในช่วงที่สว่างที่สุด (อันดับความสว่าง -4.6) เป็นเกณฑ์ หากดาวตกดวงใดสว่างกว่านั้น ก็จะถูกเรียกว่าเป็นลูกไฟ

อย่างไรก็ตาม นิยามนี้ยังคงสร้างความสับสนได้จากมุมมองของผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ต่างสถานที่กัน สมมติว่ามีดาวตกขนาดใหญ่เกิดขึ้นเหนือท้องฟ้าจังหวัดขอนแก่น จนคนในพื้นที่เห็นมันสว่างจ้าเท่าดาวศุกร์ พวกเขาย่อมเรียกมันว่าลูกไฟได้อย่างเต็มปาก แต่ในขณะเดียวกัน คนที่กรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ห่างออกไป ก็จะเห็นดาวตกดวงเดียวกันนี้อยู่ใกล้ขอบฟ้า และอาจมีความสว่างลดหลั่นลงมาเหลือเพียงเท่าดาวซิริอัส ซึ่งเป็นความสว่างระดับดาวตกทั่วไป พวกเขาย่อมไม่เรียกมันว่าลูกไฟ และน่าแปลกที่ไม่มีใครผิดเลย เพราะต่างคนต่างเรียกตามสิ่งที่ตาเห็น

เพื่อแก้ปัญหานี้ องค์การอุกกาบาตสากล (International Meteor Organization) จึงได้เสนอนิยามอีกรูปแบบหนึ่งที่มองไปที่คุณสมบัติที่แท้จริงของตัวดาวตกเอง โดยระบุว่า ลูกไฟคือดาวตกที่มีอันดับความสว่างปรากฏ -3 หรือสว่างกว่า หากสมมติว่ามันเกิดขึ้นเหนือศีรษะของผู้สังเกตโดยตรง

ด้วยนิยามนี้ แม้เราจะเห็นดาวตกที่มีความสว่างเพียง -1 อยู่ใกล้ขอบฟ้า ก็สามารถนับเป็นลูกไฟได้ เพราะการที่มันอยู่ไกลขนาดนั้นแต่ยังสว่างได้ ย่อมหมายความว่าหากเราไปอยู่ใต้ตำแหน่งที่มันเกิด มันจะสว่างเจิดจ้ากว่าที่เราเห็นหลายเท่าตัว แต่น่าเสียดายที่นิยามนี้ยังไม่ถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานสากล คำว่าลูกไฟจึงยังคงถูกใช้อย่างไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดต่อไป

เฉลยแล้วไฟตกจากฟ้า
ข้อมูลจาก : สมาคมดาราศาสตร์ไทย

จากอวกาศสู่พื้นโลก สะเก็ดดาว, ดาวเคราะห์น้อย และ อุกกาบาต

ก่อนที่วัตถุเหล่านี้จะเดินทางมาให้เราเห็น มันมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามขนาดและตำแหน่งที่อยู่ เมื่อครั้งที่ยังล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ หากเป็นก้อนหินขนาดเล็กจะถูกเรียกว่า สะเก็ดดาว (Meteoroid) แต่หากมีขนาดใหญ่ระดับหลายเมตรขึ้นไปก็จะถูกเรียกว่า ดาวเคราะห์น้อย (Asteroid) ซึ่งเส้นแบ่งขนาดของทั้งสองประเภทนี้ก็ยังไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัวเช่นกัน

เมื่อสะเก็ดดาวพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและเผาไหม้จนหมดกลายเป็นเพียงผุยผงกลางอากาศ เรื่องราวของมันก็จบลง แต่หากมันมีขนาดใหญ่พอที่จะทนทานต่อการเสียดสีและมีชิ้นส่วนเหลือรอดตกลงสู่พื้นโลก ชิ้นส่วนที่เก็บได้บนพื้นดินนั้นจะถูกเปลี่ยนชื่อเรียกอีกครั้งเป็น อุกกาบาต (Meteorite)

ที่น่าแปลกคือรากศัพท์ของคำว่าอุกกาบาตนั้น “อุกกา” แปลว่าคบไฟ และ “บาต” แปลว่าตก ซึ่งรวมกันแล้วควรจะหมายถึงคบไฟที่ตกจากฟ้า อันเป็นความหมายที่ใกล้เคียงกับดาวตกมากกว่า แต่กลับถูกนำมาใช้เรียกก้อนหินที่เหลือรอดจากการเผาไหม้ ความสับสนนี้ยังปรากฏอยู่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสภา ที่ให้คำนิยามของคำว่า ดาวตก, ผีพุ่งไต้ และอุกกาบาต วนไปมาจนยากจะหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ ซึ่งคงต้องรอการปรับปรุงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

เฉลยลูกไฟตกจากฟ้า หลายพื้นที่ในไทยคืออะไร
ข้อมูลจาก : สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ปรากฏการณ์พิเศษ ดาวตกชนิดระเบิด

ในบางครั้ง ดาวตกอาจไม่ได้เพียงแค่ลุกไหม้ แต่ยังอาจเกิดการปะทุสว่างวาบหรือถึงขั้นระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลางอากาศได้

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ดาวตกชนิดระเบิด (Bolide) ซึ่งมักเกิดจากสะเก็ดดาวขนาดใหญ่และมีองค์ประกอบเป็นหิน แรงระเบิดอาจทำให้ชิ้นส่วนกระเด็นไปคนละทิศละทาง และอาจเป็นที่มาของรายงานการพบเห็น UFO ที่ผู้สังเกตการณ์ยืนยันว่าเห็นแสงไฟเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน ซึ่งแท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้เอง

กล่าวโดยสรุป การเดินทางของหินอวกาศก้อนหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยการเปลี่ยนชื่อและสถานะ ตั้งแต่การเป็น สะเก็ดดาว ในอวกาศ, กลายเป็น ดาวตก หรือ ลูกไฟ

เมื่อลุกไหม้ในชั้นบรรยากาศ และสุดท้ายคือ อุกกาบาต หากมันเหลือรอดตกลงสู่พื้นโลกได้สำเร็จ จะเห็นได้ว่าเพียงหินก้อนเดียวจากอวกาศ ก็สามารถสร้างความโกลาหลทางภาษาให้กับมนุษย์โลกได้อย่างมากมาย ซึ่งความสับสนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในภาษาไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุด วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับดาวตกและอุกกาบาตโดยตรงนั้น ในภาษาอังกฤษเรียกว่า meteoritics ซึ่งเป็นคนละคำกับ meteorology ที่แปลว่าอุตุนิยมวิทยาหรือการศึกษาเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศโดยสิ้นเชิง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx