ย้อนคลิป นายกอิ๊งไปกัมพูชา สานรักหวานชื่น 75 ปี ผ่านไป 2 เดือน แตกหักโดนแฉเละ

ย้อนคลิป 2 เดือนก่อน นายกอิ๊ง เยือนกัมพูชา ตอกย้ำ 75 ปีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น พร้อมดันอาเซียนรวมพลังต่อรองเวทีโลก เซ็น MOU 7 ฉบับ เตรียมถก ครม. ร่วมที่สระแก้ว ก.ค. นี้ ก่อนหลุดคลิปเสียง สัมพันธ์ 2 ตระกูลแตกสะบั้น
จากกรณีข้อพิพาทเขาช่องบก ของทหารไทยกับกัมพูชา ก่อนลามไปถึงหลุดคลิปเสียง ฮุนเซน แอบอัด ระหว่างนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต่อสายตรงเจรจา หาทางออก กลับกลายเป็นปิดประตูตาย สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นของ ตระกูลชินวัตรกับฮุน ขาดสะบั้น ฮุนเซน ถึงขนาดขู่ทักษิณผ่านสื่อ จะแฉเรื่องทั้งหมด รวมถึงปมพาดพิงสถาบัน
ทว่าย้อนกลับไปเพียงแค่ 2 เดือนก่อนหน้า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ผลลัพธ์สำเร็จลุล่วงได้ดี เจรจาพูดคุยกับนายฮุนมาเน็ต นายกรัฐมนตรี ลูกชายฮุนเซน ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นครบรอบ 75 ปี
นายกอิ๊งระบุว่า การเยือนครั้งนี้ได้รับเกียรติและการต้อนรับอย่างอบอุ่นยิ่งจากฝ่ายกัมพูชา ต้อนรับสมเกียรติเทียบเท่าผู้นำระดับโลก มีการหารือในประเด็นสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่ความร่วมมือระดับอาเซียนไปจนถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน อาทิ ปัญหาการเผาและอาชญากรรมออนไลน์
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความประทับใจต่อการต้อนรับที่ได้รับจากกัมพูชาอย่างมาก ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน มีการจัดรถยนต์รับพร้อมกำลังรักษาความปลอดภัยเต็มอัตรา รวมถึงมีขบวนมอเตอร์ไซค์สีขาวและผู้สวมชุดขาวคุ้มกันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความให้เกียรติต่อประเทศไทยอย่างสูง โดยได้รับแจ้งว่าการดูแลผู้นำไทยในครั้งนี้เทียบเท่ากับการดูแลท่านสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เมื่อครั้งเดินทางเยือนกัมพูชาเลยทีเดียว ระหว่างทางก่อนถึงสถานที่จัดงานอย่างเป็นทางการ ยังมีนักเรียนนักศึกษาออกมารอต้อนรับ โบกมือ และถือดอกไม้อยู่ข้างทาง สร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่
ในการรับรองอย่างเป็นทางการนั้น สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พร้อมภริยา ได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีไทยและสามี ณ สถานที่จัดงาน โดยมีการเดินตรวจแถวต้อนรับภายในอาคาร ซึ่งปกติแล้วการตรวจแถวนอกอาคารไม่ค่อยเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน
ก่อนการประชุมทวิภาคีขนาดใหญ่ที่มีคณะผู้บริหารเต็มคณะและสื่อมวลชนเข้าร่วม ได้มีการหารือแบบกลุ่มเล็กเป็นการส่วนตัวนานประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อพูดคุยในประเด็นที่อาจมีความละเอียดอ่อน ซึ่งไม่ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพื่อให้สองประเทศสามารถตกลงหรือแสดงความเห็นที่แตกต่างกันได้อย่างอิสระ ประเด็นสำคัญในการหารือคือเรื่องที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาเคยพูดถึงเรื่องภาษีศุลกากร (Tariffs) ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยถึงกรอบความร่วมมือของอาเซียน โดยต่างเห็นพ้องต้องกันว่า แต่ละประเทศในอาเซียนต่างมีจุดแข็งและทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หากรวมพลังกันในกรอบอาเซียน จะสามารถเพิ่มอำนาจการต่อรองได้อย่างมาก

แม้แนวคิดนี้จะยังไม่มีการลงนามในเอกสารใดๆ แต่ผู้นำทั้งสองต่างยืนยันว่าได้หารือกับผู้นำอาเซียนกลุ่มอื่นๆ และต่างเห็นตรงกันว่าการรวมมือกันจะทำให้กลุ่มอาเซียนมีพลังที่ยิ่งใหญ่ และสามารถต่อรองได้อย่างเข้มแข็งในฐานะมิตรประเทศในสถานการณ์ “Win-Win” เพื่อให้รอดพ้นจากผลกระทบจากกำแพงภาษีไปด้วยกันได้ เพราะอาเซียนมีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทวีปอื่นไม่มี
ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันถึง 7 ฉบับ ซึ่งมีรัฐมนตรีจากหลายกระทรวงเข้าร่วมพิธีลงนาม ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, คมนาคม, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, แรงงาน และต่างประเทศ ความร่วมมือแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและอาชญากรรมออนไลน์ ประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาฝุ่น PM2.5 และการเผาในที่โล่ง ได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารืออย่างจริงจัง นายกรัฐมนตรีไทยได้มีโอกาสแบ่งปันข้อมูลและมาตรการที่เข้มงวดของประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้การเผาลดลงอย่างมากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยยอมรับว่าประเทศเพื่อนบ้านในแถบเดียวกันอย่างเมียนมา ก็ประสบปัญหาคล้ายกัน จึงต้องขอความร่วมมือซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ ยังมีการหารืออย่างละเอียดเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Online Scam) ซึ่งกัมพูชาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไทยได้เน้นย้ำถึงการขอความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดรายใหญ่ได้
ในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกัน (Joint Cabinet Meeting) ระหว่างคณะรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา โดยจะจัดขึ้นที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน กำหนดการเบื้องต้นคือในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะมีการรอวันเวลาที่ทั้งสองประเทศสะดวกตรงกันอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยถึงโครงการสำคัญอย่าง สะพานมิตรภาพ (Friendship Bridge) ที่จะเชื่อมโยงระหว่างกัมพูชาและไทย
นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายว่า การเยือนครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าที่ไม่เพียงแต่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองประเทศสามารถตกลงในเรื่องใหญ่ๆ ได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย ซึ่งต้องขอขอบคุณทั้งสองประเทศที่ร่วมมือกันทำให้ประเด็นเหล่านี้ผ่านไปได้ด้วยดี
ติดตาม The Thaiger บน Google News: