การเงินเศรษฐกิจ

คลัง ยันออกพันธบัตร G Token ไม่ใช่คริปโตฯ กู้เงินเพิ่ม ช่วย ปชช.ลงทุน

กระทรวงการคลัง ยืนยันออกพันธบัตร G Token วงเงิน 5 พันล้าน ไม่ใช่การกู้เงินเพิ่ม-คริปโทเคอร์เรนซี หวังช่วยประชาชนลงทุน ออมระยะยาว

วานนี้ (13 พ.ค.) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี-รมว.คลัง เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวิธีการกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะตามที่สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลังเสนอ โดยการออกสินทรัพย์ดิจิทัลโทเคน (Token) เป็น G Token ภายใต้ชื่อ “Thailand Digital Token” เพื่อเพิ่มช่องทางการลงทุนพันธบัตรของประชาชน เบื้องต้นกำหนดวงเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่มีการออก G Token ดังกล่าวนั้น เพราะแต่ละปี สบน. ต้องมีการออกพันธบัตรกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเป็นประจำ ซึ่งการออกโทเคนนี้จะช่วยให้ประชาชนรายย่อยสามารถซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น ผลตอบแทนดีกว่า และสม่ำเสมอกว่า โดยเป็นการลงทุนระยะยาว-สม่ำเสมอ ประชาชนสามารถซื้อหลักพันหรือหลักร้อยก็ได้ รวมถึงเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินดิจิทัลของประเทศอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกมาจำหน่ายได้ภายใน 2-3 เดือนนี้

“ยืนยันว่าจะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของประชาชนมากขึ้น ในสัดส่วนที่เหมาะสม รายย่อยสามารถเข้าไปถือได้ โดยผู้ถือหน่วยลงทุน หรือผู้ถือเครื่องมือการลงทุนไทยแลนด์ดิจิทัลโทเคนนี้ จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนและถือ นับเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ ไม่ได้เป็นการพิมพ์เงินใหม่ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นประเภทคริปโตเคอเรนซีอย่างแน่นอน“ นายพิชัย กล่าว

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ยืนยันว่าการออก G Token ไม่ใช่การกู้เงินใหม่หรือคริปโทเคอร์เรนซี เพราะจะใช้วงเงินเดิมในการออกพันธบัตร เพื่อชำระหนี้ของรัฐบาลแต่ละปีมาใช้ระดมทุนในรูปแบบพันธบัตรที่เป็นโทเคน ซึ่งสามารถช่วยให้เกิดการระดมทุนผ่านตลาดรองได้มากขึ้นด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

yo

นักเขียนข่าว บทความทั่วไปประเภทไลฟ์สไตล์ สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญา มศก. ติดต่อได้ที่อีเมล yo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx