สุขภาพและการแพทย์

หมอเจด เปิดวิธีสู้โรคหลอดเลือดสมอง หลังโป๊ปฟรานซิสสิ้นพระชนม์ เช็กอาการก่อนสาย

‘หมอเจด’ ชี้ภัยเงียบจากหลอดเลือดสมอง หลังโป๊ปฟรานซิสสิ้นพระชนม์ เผยโรคร้ายใกล้ตัวคนรุ่นใหม่ แนะวิธีป้องกันก่อนสายเกินแก้ พร้อมเช็กอาการเบื้องต้น

‘หมอเจด’ หรือ ‘นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์’ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความรู้และเน้นย้ำการป้องกันโรค หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ สิริอายุ 88 พรรษา ด้วยสาเหตุโรคหลอดเลือดสมองและภาวะหัวใจล้มเหลว ตามแถลงการณ์ของสำนักวาติกัน หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคของผู้สูงอายุเท่านั้น

ทำความเข้าใจโรคหลอดเลือดสมอง เช็กอาการก่อนสาย

หมอเจด เผยว่า หลายคนอาจมองว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคของผู้สูงวัย แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันพบผู้ป่วยอายุน้อยลงเรื่อย ๆ บางรายอายุเพียง 40 ต้น ๆ ผลที่ตามมาก็รุนแรง ตั้งแต่อาการหนักจนถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต นอนติดเตียง หรือร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

โรคหลอดเลือดสมอง เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการตีบ ตัน หรือแตก ทำให้สมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ส่งผลให้เซลล์สมองถูกทำลาย ซึ่งอาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญไม่ได้มีแค่เรื่องอายุ แต่ยังรวมถึงโรคประจำตัว, พฤติกรรมการกิน และปัจจัยอื่น ๆ หมอเจดแนะนำแนวทางป้องกันเบื้องต้น

1. ความดันโลหิตสูง

โรคนี้เป็นเหมือนเพื่อนเงียบที่อยู่กับเรานาน ๆ แล้วพอถึงจุดนึงก็ทำร้ายเราได้แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะเวลาความดันขึ้นสูงตลอด ผนังหลอดเลือดมันจะเปราะ แข็ง แล้วก็แตกง่าย มันยังทำให้เกิดลิ่มเลือดด้วยนะ ถ้าไปอุดหลอดเลือดสมองก็จบเลย คือเรียกว่าเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดสโตรก (Stroke) มีวิธีป้องกัน ดังนี้

  • วัดความดันบ่อยๆ ถ้าได้ <120/80 mmHg นี่ถือว่าโอเคเลย
  • กินน้อยเค็ม ลดของหมักดอง บะหมี่ซอง ขนมถุง
  • กิน DASH diet เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี นมไขมันต่ำ
  • ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-5 วัน อย่างน้อยวันละ 30 นาที
  • ถ้าแพทย์ให้ยาควบคุมความดันมากิน อย่าลืมกินให้ตรงเวลา

2. เบาหวาน

เบาหวานอาจฟังดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริง ๆ มันร้ายเงียบไม่แพ้ความดัน เพราะน้ำตาลในเลือดที่สูงนาน ๆ จะไปทำลายหลอดเลือดทั่วร่าง โดยเฉพาะหลอดเลือดสมอง อาการไม่ได้มาทันที แต่มาทีอ่จมีอาการหนักถึงขั้นเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้เลย ควรป้องกันตามวิธีนี้

  • คุมระดับน้ำตาลให้ดี (<126 mg/dL ถ้าวัดตอนอดอาหาร) ถ้ายังไม่เป็นก็ต้องรู้ตัวไว ถ้าเป็นแล้วต้องเจาะเลือดตามหมอนัด
  • ลดหวาน ลดข้าวขาว ของหวาน น้ำอัดลม เบเกอรี่ต่างๆ
  • หันมากินผัก โปรตีนดีๆ อย่างปลา เต้าหู้ ไข่
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • กินยาตามที่แพทย์ให้ ไม่หยุดยาเองเด็ดขาด

3. ไขมันในเลือดสูง

สำหรับใครที่ชอบของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน ของหวานจัด ๆ หรือกินแอลกอฮอล์บ่อย ส่งผลให้ไขมันในเลือดขึ้นง่ายมาก โดยเฉพาะพวก LDL หรือไขมันเลว ถ้าสูงเกินไปจะไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแคบลงเรื่อย ๆ จนวันนึงเลือดผ่านไม่ได้ ก็เกิดสโตรก (Stroke) ได้อีกเช่นกัน มีวิธีป้องกันง่าย ๆ แบบชีวิตประจำวัน
  • ลดการกินไขมันอิ่มตัว เช่น ของมัน เนยเทียม ครีมเทียม
  • หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารแปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน
  • กินปลาทะเล เช่น แซลมอน หรือทูน่า ที่มีโอเมก้า-3 ช่วยเพิ่ม HDL
  • ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ถ้าจำเป็นต้องดื่ม ให้อยู่ในระดับพอเหมาะ

4. บุหรี่

การสูบบุหรี่ไม่ได้ส่งผลเสียแค่เรื่องปอด แต่ยังทำร้ายหลอดเลือด เพราะสารในบุหรี่หลายตัว เช่น นิโคติน ส่งผลให้หลอดเลือดหดตัว แล้วพอหดอยู่บ่อย ๆ ทำให้เสื่อมสภาพเร็ว แถมยังมีคาร์บอนมอนอกไซด์ที่แย่งออกซิเจนในเลือดไปอีก คือทำให้สมองขาดออกซิเจนง่ายขึ้น เสี่ยง สโตรก (Stroke) แบบไม่รู้ตัวเลย สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือเลิกขาด
หากเลิกบุหรี่ให้ได้จะดีมาก ถ้าทำเองไม่ได้ลองใช้ตัวช่วย เช่น แผ่นแปะนิโคติน หรือปรึกษาหมอ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองด้วย เพราะอันตรายไม่แพ้กันเลย

5. แอลกอฮอล์

ตัวการสุดท้าย คือการดื่มแอลกอฮอล์ หลายคนอาจคิดว่าแค่ดื่มนิดหน่อยไม่เป็นไร แต่แท้จริงแล้วแอลกอฮอล์มันมีผลกับระบบหลอดเลือดเยอะมาก ทำให้ความดันเพิ่มไขมันในเลือดแย่ลง HDL ลด LDL เพิ่ม เลือดแข็งตัวผิดปกติ มีโอกาสเป็นลิ่มเลือดง่ายขึ้นอีกต่างหาก หากหลอดเลือดในสมองเปราะอยู่แล้วก็มีโอกาสแตกง่ายขึ้นซึ่งเป็นอันตรายมาก

วิธีสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมองเบื้องต้น รู้ทันภัยเงียบ

หมอเจดแนะนำวิธีสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมองเบื้องต้น ถ้ามีอาการเหล่านี้ ต้องรีบพบแพทยืโดยทันที ให้สัญลักษณ์สื่อความเป็นคำว่า FAST มีความหมาย ดังนี้
  • F = Face : หน้าผิดรูป ปากเบี้ยว
  • A = Arm : แขน ขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
  • S = Speech : พูดไม่ชัด หรือพูดไม่ได้เลย
  • T = Time : รีบโทรหาหมอหรือ 1669 ด่วน!
ทั้งนี้ หากพบอาการข้างต้นยิ่งไปโรงพยาบาลเร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดหรือฟื้นกลับมาได้ก็จะยิ่งสูงขึ้น เพราะ stroke ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ โรคหลอดเลือดสมองมันใกล้ตัวมากขึ้น เกิดได้ทั้งคนอายุน้อยและอายุเยอะ ฉะนั้นอย่ามองข้ามสุขภาพตัวเอง หากคุมปัจจัยเสี่ยง 5 อย่างนี้ได้ดี ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ลดโอกาสเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้ ถ้าใครมีอาการแปลก ๆ หรือสงสัยว่าตัวเองมีความเสี่ยงให้รีบปรึกษาหมอทันที

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

sukanlaya s.

นักเขียนบทความ SEO ประจำเว็บไซต์ The Thaiger จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชี่ยวชาญงานเขียนประเภท ข่าวกระแสสังคม และบทความไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รีวิวที่เที่ยว เทรนด์แฟชั่นและความงาม พร้อมแนะนำกระแสมาแรง ทันเหตุการณ์ ช่องทางติดต่อ ying@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx