“นายกอิ๊งค์” ขอพูดในฐานะลูกสาว อภิปราย “ทักษิณ” ไม่ได้รับความยุติธรรม

Nateetorn S.เผยแพร่: 25 มี.ค. 2568 16:14 น.| อัปเดต: 25 มี.ค. 2568 16:15 น.

นายกอิ๊งค์ อภิปราย ทักษิณ ไม่ได้รับความยุติธรรม ขอพูดในฐานะลูกสาว เชื่อไม่มีลูกคนไหนอยากเห็นความไม่ยุติธรรมกับพ่อตัวเอง

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งแรกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 2 โดยในช่วงหนึ่งได้พูดถึงปมชั้น 14 ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชนได้อภิปรายไปเมื่อช่วงเช้านี้

โดยนายกอิ๊งค์ กล่าวว่า เรามีความคิดเห็นต่างกัน ท่านก็เคยมีความเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรที่ภูเก็ต แต่ดิชั้นก็เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกมาตอนนั้นมาอภิปรายดิชั้นในวันนี้ เรื่องนี้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมพูดไปหมดแล้ว

แต่ดิชั้นอยากจะขอชี้แจงในฐานะลูกสาวคนหนึ่ง ตั้งแต่ที่คุณพ่อกลับมาที่ไทย ตั้งแต่วันทีพ่อกลับมาถึงประเทศไทยจนออกจากชั้น 14 ดิชั้นยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเลย ไม่อยากให้ท่านอภิปรายเป็นผู้สับสน ว่าดิชั้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และดิชั้นมีอำนาจสั่งข้าราชการหรือสั่งใครๆ ดิชั้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และตอนนั้นไม่มีอำนาจใดๆเลย

เรื่องความถูกต้องและกฎระเบียบ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม ทุกคนมีหน้าที่รักษากฎระเบียบพวกเขาก็ต้องทำแบบนั้นต่อ การอภิปรายแบบนี้ต้องเห็นค่าผู้รักษากฎหมาย ข้าราชการด้วย เป็นเหมือนด้อยค่าไปในตัว

ดิชั้นเชื่อว่าลูกคนไหนเห็นความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นกับคุณพ่อที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก และสถานการณ์ที่ผ่านมา ทุกท่านทราบถึงความยากลำบากที่เราแล้วก็พี่น้องประชาชนที่ประสบมา และความอยุติธรรม ถ้าจะหาคนที่เผชิญกับความอยุติธรรม ดิชั้นเชื่อว่า ดร.ทักษิณ คืนหนึ่งที่คนท็อปๆเลยที่ไม่ได้รับความไม่ยุติธรรม

ท่านถูกยึดอำนาจทางการเมืองและอายัดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัย สมัยเครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ เด็กอายุ 18-19 ปี เมื่อทราบว่าพ่อถูกลอบสังหาร ไม่รู้สึกดีหรอก แต่วันนั้นไม่ทราบด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น และต้องรอกว่าจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่หลายครั้ง เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีและเจ็บปวด

ถูกพลัดพรากอยู่คนละประเทศ ดิชั้นพยายามเดินทางไปหาพ่อบ่อยๆ จะได้ไม่คิดถึงกันมากบ่อยๆ ไปมาบ่อยๆ จนกระทั้งช่วงโควิด ก็ยังไปเหมือนเดิม เพราะมีความกักตัว ตอนนั้นท้อง 6 เดือน อยู่กับพ่อ 1 เดือน ตอนนั่งกลับก็เสียน้ำตา ไม่รู้ว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ ไม่มีวัคซีน กลัวติดโควิดไหม ไม่รู้ว่าโควิดแรงหรือเบา ดิชั้นผ่านมากับครอบครัว ความไม่ยุติธรรมเหล่านี้ ทำให้ครอบครัวรักกันมากขึ้น ผ่านเวลาที่ลำบากมาด้วยกัน ทำให้เติบโตขึ้นมา อย่างมีสติ ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันเสมอ

ส่วนเรื่อง “ดีลปีศาจ” ไม่ใช่ความจริงเลย 100% เป็นการตัดสินใจของท่านเองว่าอยากกลับมา ตัวดิชั้นก็ไม่อยากให้กลับมาติดคุก แต่ว่าท่านอยากใช้เวลาที่เหลืออยากอยู่เมืองไทย และห่วงพี่น้องประชาชนอย่างมาก ฟังแล้วรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำงาน แต่คิดดีกับเรื่องคนอื่นได้ เรื่องนี้ต้องใช้พลังบวกเยอะๆในใจ ดิชั้นก็ได้อะไรจากตรงนี้เช่นกัน

พร้อมบอกด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลกับใครก็ตาม จะเป็นกับพรรคก้าวไกล คุณพ่อก็กลับมาอยู่ดี เพราะนั่นเป็นความตั้งใจ

ส่วนเรื่องป่วยจริงหรือป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยและต้องรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ ถ้าดิชั้นพูดท่านจะเชื่อหรอ ป่วยจริงๆ อายุ 70 กว่า ป่วยโควิดหนักมาก มีสการ์ที่ปอด ต้องผ่าตัด และไม่ง่ายเหมือนคนอายุ 40 กว่า ดิชั้นก็ไม่ทราบว่าต้องอธิบายแบบไหน แต่เชื่อว่าผลสรุปจากแพทย์สภาที่จะออกมาในเร็วๆนี้ ดิชั้นเชื่อว่าคนจะยอมรับ

ในฐานะลูกห่วงใยพ่อแน่นอน ดิชั้นเป็น daddy girl completely 100% ไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงเลย อย่าดูถูกราชการไทย ทุกอย่างตรวจสอบได้ ดิชั้นไม่เคยแทรกแซงกระบวนการเหล่านี้เลย

ในการอภิปรายทุกคนเรียกร้องให้ดิชั้นลาออกจากนายกรัฐมนตรี ทุกคนมีสิทธิ์ แต่ดิชั้นลาออกจากการเป็นลูกสาวเป็นแม่ไม่ได้ พร้อมทำงานให้ทุกคน ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ดิชั้นทำหน้าที่เต็มสุดความสามารถแน่นอน ในฐานะลูกสาวดิชั้นเป็นลูกสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ดิชั้นพูดอย่างภาคภูมิใจ ตั้งแต่พูดได้ ขอให้ดูการทำงานอย่างเต็มที่ หากจากวิจารณ์ขอให้อภิปรายในการทำงาน น่าจะเป็นประโยชน์กว่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง