อนามัยโลก เร่งสอบสวน โรคปริศนา คร่าชีวิตชาวคองโก ดับแล้ว 60 ศพ

ทั่วโลกเริ่มผวา องค์การอนามัยโลก (WHO) เร่งสอบสวน “โรคปริศนา” ระบาดหนักในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก คร่าชีวิตแล้ว 60 ราย
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ United Nations รายงานว่า ทางการสาธารณสุขในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) และผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังเร่งดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการระบาดของโรคประหลาด ที่คร่าชีวิตผู้คนในจังหวัดอีควาเตอร์ เ
WHO ระบุในแถลงการณ์ว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ระบบเฝ้าระวังโรคได้ตรวจพบการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตถึงสามครั้ง ในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ ซึ่งนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการสอบสวนเพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และให้การสนับสนุนที่จำเป็นต่อการสืบหาในครั้งนี้ โดยอาการป่วยที่พบ ได้แก่ ไข้, ปวดศีรษะ, หนาวสั่น, เหงื่อออก, คอแข็ง, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดข้อหลายแห่งและปวดเมื่อยตามร่างกาย, น้ำมูกไหลหรือเลือดกำเดาไหล, ไอ, อาเจียน และท้องเสีย
ปัจจุบัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ เมื่อกองทัพคองโกต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มกบฏ M23 ที่ได้รับการสนับสนุนจากรวันดา รวมถึงการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ อีกมากมาย

ย้อนไทม์ไลน์การระบาด “โรคปริศนา”
หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า การระบาดของโรคและการเสียชีวิตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดอีควาเตอร์ ตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา การระบาดล่าสุดเกิดขึ้นในเขตสุขภาพบาซันกูซู เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 141 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานผู้ป่วย 158 ราย และเสียชีวิต 58 รายในเขตสุขภาพเดียวกัน ขณะที่ในเดือนมกราคม เขตสุขภาพโบแลมบา รายงานผู้ป่วย 12 ราย รวมถึงผู้เสียชีวิต 8 ราย
WHO กล่าวว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบของการระบากครั้งนี้เป็นพื้นที่ห่างไกล ทำให้การเข้าถึงบริการทางการแพทย์เป็นไปอย่างจำกัด รวมถึงการตรวจหาเชื้อและการรักษาก็ยากลำบากเช่นกัน บาซันกูซู และ โบแลมบา อยู่ห่างกันประมาณ 180 กิโลเมตร โดยอยู่ห่างจากเมืองหลวงของจังหวัดมบันดาคา มากกว่า 300 กิโลเมตร ทั้งสองพื้นที่สามารถเข้าถึงได้ทางถนน หรือทางแม่น้ำคองโก
อย่างไรก็ตาม ถนนหนทางและการสื่อสารที่ย่ำแย่ ถือเป็นความท้าทายสำคัญ ถึงอย่างนั้นหน่วยงานด้านสุขภาพแห่งสหประชาชาติ ก็ยังคงให้การสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่นในการเสริมสร้างมาตรการสอบสวนและตอบสนอง โดยมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชนมากกว่า 80 คน เพื่อตรวจจับและรายงานผู้ป่วยและการเสียชีวิต
WHO กล่าวว่า ขณะนี้ยังจำเป็นต้องพยายามมากยิ่งขึ้น เพื่อการตรวจหาเชื้อ รวมถึงการตรวจพบผู้ป่วยในระยะเริ่มต้น และการรายงานยอดผู้ป่วย โดย WHO ยังคงปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในทุกระดับ
การเฝ้าระวังที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น
หน่วยงานด้านสุขภาพแห่งสหประชาชาติได้ส่งมอบเวชภัณฑ์ฉุกเฉิน รวมถึงชุดตรวจหาเชื้อ และพัฒนาแนวทางการปฏิบัติโดยละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอบสวนโรค
การเฝ้าระวังโรคที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถระบุผู้ป่วยได้ทั้งหมด 1,096 ราย และผู้เสียชีวิต 60 รายในบาซันกูซูและโบแลมบา ซึ่งมีอาการป่วยที่เข้าข่ายอาการของโรคปริศนานี้ และเพื่อตอบสนองต่อการระบาดล่าสุด ทีมตอบโต้ฉุกเฉินแห่งชาติจากกินชาซาและอีควาเตอร์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพของ WHO จึงถูกส่งไปยังบาซันกูซูและโบแลมบา เพื่อสอบสวนสถานการณ์
ขณะเดียวกัน ทางผู้เชี่ยวชาญก็กำลังเร่งเพิ่มการเฝ้าระวังโรค คอยสัมภาษณ์สมาชิกในชุมชน เพื่อทำความเข้าใจภูมิหลัง และให้การรักษาโรคต่าง ๆ เช่น มาลาเรีย, ไข้ไทฟอยด์ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ผลลัพธ์การตรวจเชื้ออย่างต่อเนื่อง
ผลการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเบื้องต้น ให้ผลลบสำหรับเชื้อไวรัสอีโบลาและไวรัสมาร์บูร์ก โดย WHO กล่าวว่า ครึ่งหนึ่งของตัวอย่างเชื้อที่นำมาทดสอบ ให้ผลบวกสำหรับเชื้อมาลาเรีย ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในภูมิภาคนี้
จากนี้จะมีการดำเนินการทดสอบเพิ่มเติมสำหรับเยื่อหุ้มสมองอักเสบ รวมถึงการวิเคราะห์ตัวอย่างอาหาร, น้ำ และสิ่งแวดล้อม เพื่อหาสารปนเปื้อนที่อาจเป็นไปได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- องค์การอนามัยโลก แถลงแล้ว เคสเชื้อไวรัส HMPV ระบาดในจีน
- อนามัยโลก ประกาศด่วน ‘ฝีดาษลิง’ ในแอฟริกา เป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก
- อนามัยโลก เตือน “ไข้นกแก้ว” ระบาดหนัก คร่าชีวิตคนรักนกแล้ว 5 ราย