สธ. ห่วงใย สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วิกฤต 55 จังหวัด ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน “สระบุรี” หนักสุด พุ่งอยู่ระดับสีแดง ย้ำประชาชนสวมหน้ากากอนามัย พร้อมแนะสมุนไพร เมนูอาหารช่วยดูแลสุขภาพ บรรเทาอาการระบบทางเดินหายใจ
วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2568) ณ ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5 กระทรวงสาธารณสุข “ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์” โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 และ “ดร.ภญ.ดวงแก้ว ปัญญาภู” รองผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมแถลงแนวทางการดูแลสุขภาพจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5
ดร.นพ.วรตม์ เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ วันนี้ (3 ก.พ.) พบ 55 จังหวัด มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน แบ่งเป็น ‘สีส้ม’ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 54 จังหวัด และ ‘สีแดง’ มีผลกระทบต่อสุขภาพ 1 จังหวัด คือ “สระบุรี” โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยกเว้นภาคใต้ที่มีสภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี โดยประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ค่าฝุ่นเกณฑ์สีส้มขึ้นไป จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำงานที่ต้องใช้แรง
ขณะที่ ดร.ภญ.ดวงแก้ว กล่าวถึงงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า สมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ สามารถนำมาใช้ดูแลสุขภาพในช่วงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้ พร้อมเผยรายชื่อพืชผักสมุรไพรไว้ดังนี้
ขมิ้นชัน รับประทานได้ทั้งแบบสด หรือผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ตามคำแนะนำของแพทย์ / เภสัชกร โดยหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เด็ก ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้ป่วยท่อน้ำดีอุดตัน นิ่วในถุงน้ำดี ห้ามรับประทาน
รางจืด ช่วยปกป้องตับและไตจากแคดเมียม ที่พบใน PM 2.5 สามารถรับประทานเป็นชาชงครั้งละ 1 ซอง วันละ 3 ครั้ง ข้อควรระวัง ในผู้ป่วยโรคตับ ไต เบาหวาน หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เด็กเล็ก ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ส่วนผู้มีโรคประจำตัว จะต้องปรึกษาแพทย์ / เภสัช ก่อนรับประทาน
หญ้าดอกขาว มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของเซลล์ในระบบทางเดินหายใจ ใช้เป็นชาชง ครั้งละ 1 ซอง วันละ 3 – 4 ครั้ง ข้อควรระวัง ในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง
นอกจากนี้ ยังมี ยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการระบบทางเดินหายใจจาก PM 2.5 ได้แก่
- ยาแก้ไอมะขามป้อม ช่วยบรรเทาอาการไอ ระคายคอ
- ยาปราบชมพูทวีป ลดอาการภูมิแพ้
- ยาสมุนไพรใช้ภายนอก อาทิ คาลาไมน์พญายอ และสเปรย์รางจืด ช่วยลดอาการผื่น แพ้ คัน ลมพิษ
ไม่เพียงเท่านั้น ดร.ภญ.ดวงแก้ว ยังแนะนำให้รับประทาน “พืชผักสมุนไพรที่มีวิตามินซีสูง” เพื่อช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น ดอกขี้เหล็ก, ใบเหลียง, คะน้า, ผักหวาน, มะขามป้อม, กล้วย, ส้ม, มะละกอ, สับปะรด และพืชผักสมุนไพรในครัวที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น ขิง, ข่า, กระเทียม, ตรีผลา, พลูคาว และเห็ดต่าง ๆ
สำหรับ เมนูอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการทางเดินหายใจ แนะนำ “ต้มยำ” และ “ต้มโคล้ง” เพราะมีสมุนไพรหลากหลายชนิด ทั้งยังมีรสชาติเปรี้ยว เผ็ดร้อน ช่วยให้หายใจโล่ง และขับเหงื่อได้อย่างดี ในส่วนของ “แกงเหลือง” ที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบหลัก ก็ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และมีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดร้อน ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
นอกจากนี้ ตะไคร้, หอมแดง, ขิง, ข่า, ใบมะกรูด, ผิวมะกรูด สามารถนำมาใช้ใน “การสุมยา” ซึ่งเป็นการใช้ความร้อนชื้นจากไอน้ำ นำพาน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร มาช่วยให้ทางเดินหายใจโล่ง บรรเทาอาการคัดจมูกได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี วิธีเบื้องต้นคือการสวมหน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ และพยายามหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัส PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ กรุงเทพส้มทุกเขต ไทยอยู่อันดับ 15
- อ.เจษฎา เผย วันนี้หนาวขึ้น ค่าฝุ่นเขียว แต่ไม่ใช่เพราะนโยบายรถไฟฟ้ารถเมล์ฟรี
- แพทย์ห่วงสายวิ่ง ช่วงวิกฤต PM 2.5 ต้องหมั่นเช็กค่าฝุ่น-AQI ชี้ระดับไหนเริ่มเสี่ยง
ข่าวล่าสุด
