อี้ แทนคุณ-ดีเจเคนโด้ บุกดีเอสไอ ส่งมอบหลักฐานเพิ่มเติมคดี “สามารถ” จี้เจ้าหน้าที่สอบสวนบริษัทโทรคมนาคม เอี่ยวฟอกเงินหรือไม่
อัปเดตเบาะแสคดีฟอกเงิน นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ปมเส้นทางการเงินเกี่ยวข้อง “บอสพอล” ดิไอคอน กรุ๊ป และนางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ (แม่สามารถ) เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท ล่าสุด อี้ แทนคุณ และ ดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ ส่งมอบหลักฐานเกี่ยวกับรถยนต์อัลพาร์ท สีดำ ทะเบียน ส-0671 กทม. ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้จากบ้านหรูของผู้ต้องหาแก่ DSI เพื่อเสาะหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
ดีเจเคนโด้ ระบุว่า จากการตรวจรถดังกล่าวนั้น ทราบว่าเป็นรถประจำตำแหน่งของบริษัทด้านโทรคมนาคมและออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่เคยเป็นประเด็นชักชวนคนร่วมลงทุน อ้างจ่ายผลตอบแทนสูงถึง 300% มีดารา-นักการเมือง ไปทำการตลาดให้จนมีผู้เสียหายออกมาร้องเรียนเป็นจำนวนมาก แถมบริษัทนี้ยังอ้างว่าขออนุญาตถูกต้องจาก กสทช. จนดำเนินการมาราว 6 ปีอีกด้วย
ส่วนประเด็นหลักคือ การที่ DSI บอกว่าเป็นรถดังกล่าวของนายสามารถ ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ตนไปตรวจสอบมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้ลึกว่าตัวผู้ต้องหากไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือไม่อย่างไร พร้อมขอให้บริษัทดังกล่าวออกมาชี้แจงความเป็นเจ้าของของรถแบบชัดเจน เหตุใดนายสามารถจึงนำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่งได้ และขอให้ตรวจสอบรถคันอื่นของผู้ต้องหาอีก 4 คันด้วยว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่
อย่างไรก็ดี ตนไม่ได้บอกว่าบริษัทดังกล่าวผิดแต่อย่างใด แค่อยากให้ออกมาชี้แจงแบบชัดเจน เพราะเคยมีพฤติการณ์ระดมทุน จึงตั้งข้อสังเกตว่าเกี่ยวข้องประเด็นฟอกเงินของผู้ต้องหาหรือไม่ เนื่องจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทหยุดชะงักการจ่ายเงินให้ผู้เสียหายไป
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังพาตัว “หน่อง” ผู้เสียหายที่มีเส้นเงินเกี่ยวข้องกับบัญชี “แม่สามารถ” และถูกสอบสวนกลางเรียกตัวมาสอบปากคำมาให้สัมภาษณ์กับสื่อกรณีถูกนายสามารถขอค่าดูแลเดือนละ 50,000 บาท ว่า ตนรู้จักกับผู้ต้องหาได้ราว 10 ปีก่อน (ปี 57) กระทั่งเดือนเม.ย. 66 อีกฝั่งได้ทักมาชวนไปทำบุญวันเกิด ตนจึงโอนเงินร่วมทำบุญไป 10,000 บาท
ต่อมาเดือน พ.ค. ในปีเดียวกัน นายสามารถส่งรูปโบรชัวร์ธุรกิจขายปุ๋ยของตนมาให้ พร้อมอ้างว่ามีคนร้องเรียนกับเจ้าตัว ว่า ตนนำสารปรับปรุงดินมาทำเป็นปุ๋ยหลอกประชาชน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น นายสามารถจึงขอค่าดูแลเดือนละ 50,000 บาท แต่ก็ต่อรองจนเหลือ 30,000 บาทมาได้ ส่วนเหตุผลที่ยอมตกลงไปนั้น เนื่องจากนายสามารถกำลังดำรงตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรม และชอบส่งรูปขณะทำกิจกรรมกับผู้ใหญ่ จึงรู้สึกกลัวและยอมโอนเงินไป ตั้งแต่เดือนเดือนกรกฎาคม 2566 จนถึง กรกฎาคม 2567 ในทุกวันที่ 1 ของเดือน แถมยังให้ตนทำบุญร่วมเป็นประจำอีกด้วย
อีกทั้งชื่อบัญชีปลายทางยังเป็นของนาง “วิลาวัลย์” จึงเชื่อว่าเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาทดังกล่าวน่าจะเป็นเงินของตนด้วยส่วนหนึ่ง จึงมาร้องดีเอสไอเพื่อขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหาย พร้อมขอให้นักธุรกิจรายอื่นที่โดนเหมือนตนรีบแสดงตัวออกมา
นายแทนคุณกล่าวเสริมว่า พฤติกรรมแอบอ้างเทวดา-เรียกรับเงินผู้เสียหายของนายสามารถมี 3 ลักษณะหลักคือ 1. อ้างมีการผู้ใหญ่ เทวดาคุ้มครอง 2. ต้องจ่ายส่วยจ่ายค่าเซ่นเทวดา 3. มักแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลผู้เสียหายว่ามีคนมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือ ก่อนตบทรัพย์ต่อไป
ส่วนบริษัทที่สงสัย ว่าเป็นเจ้าของรถของกลางนายสามารถ ขณะนี้มีผู้เสียหายทยอยติดต่อมาขอให้ช่วยเหลือ บอกว่าวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) ครบกำหนดนัดจ่ายผลกำไร หากไม่มีการจ่ายจริง ฝั่งผู้เสียหายจำนวนมากจะออกมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สามารถ เซ็นยินยอม ถ้าหากช็อก ไม่ต้องกู้ชีพ ลั่นขอยอมตายในเรือนจำ
- ฟิล์ม รัฐภูมิ โพสต์เคลื่อนไหว หลังโดนหมายเรียก ลั่นความจริงต้องใช้เวลา
- แม่สามารถ ตอบชัด ทำไมเส้นเงิน วิ่งผ่านบัญชีลูก ก่อนเข้า บอสพอล
ข่าวล่าสุด
