ข่าวการเมือง

รังสิมันต์ โรม รับไม่เคยเจอเรื่องยากขนาดนี้ ปม ทักษิณ นอนชั้น 14

รังสิมันต์ โรม รับไม่เคยเจอเรื่องยากขนาดนี้ ปม ทักษิณ นอนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทราบดีเรื่องนี้เป็นแดนพิศวง จะทำให้คลี่คลายที่สุด

นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป ให้สัมภาษณ์ การเชิญหน่วยงานให้ข้อมูล กรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปมนอนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่า วันนี้เป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากรอบที่แล้ว ที่ผ่านมายอมรับว่าข้อมูลหลายส่วนไม่สมบูรณ์ วันนี้เราเชิญบุคคลมาเกือบ 20 คน กว่า 14 หน่วยงาน เรียกเอกสารไปเกือบ 10 ชุด เราก็หวังว่า จะได้รับความร่วมมือที่ดี ให้ได้ข้อมูลสมบูรณ์มากขึ้น เราติดตามทางกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม

Advertisements

ที่ปรึกษากระทรวง ไม่เคยเห็นการออกมาแถลงก่อนเชิญ 1 วัน ซึ่งยอมรับว่าเป็นการแถลงที่ไม่เข้าใจข้อกฎหมาย และไม่เข้าใจหน้าที่ของสภาฯ หรือกรรมาธิการ ตนอยากบอกว่าหากพูดถึงความมั่นคง สำหรับหลักสำคัญ คือความยุติธรรมประเทศ ที่ปราศจากความยุติธรรม มีความเหลื่อมล้ำ มีการใช้อภิสิทธิ์ชน อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย เหมือนประชาชนคนอื่น คิดว่าประเทศแบบนี้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงหรือไม่ การที่ประชาชนเสียความเชื่อมั่น สร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว

เรื่องเหล่านี้ ไม่ได้ซับซ้อน ณ วันนี้ เรายังไม่ได้มีการพิจารณาอะไรซับซ้อนกว่าคณะกรรมาธิการชุดอื่น และยืนยันว่ากรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ เราไม่ได้เข้าไปทำให้องค์กรอิสระ อย่างป.ป.ช.ปฏิบัติงานไม่ได้ เราไม่ได้เชิญ ป.ป.ช.มาด้วยซ้ำ และหากเราพบกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราพร้อมให้ความร่วมมือ กับองค์กรอิสระจริงๆ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานราชการ และรัฐบาล พร้อมยืนยันว่า วันนี้เราพยายามแสวงหาข้อมูลอย่างเต็มที่ ในการทำหน้าที่ของเรา ในฐานะฝ่ายตรวจสอบ แต่ขณะเดียวกัน เราก็เป็นลอว์เมคเกอร์ ฝ่ายนิติบัญญัติ นำข้อมูลนี้ เป็นสารตั้งต้น เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ส่วนรายละเอียดเป้าหมายวันนี้ อยากเน้นย้ำ 3 ช่วง คือ ช่วงแรก การส่งตัวนายทักษิณ ไปโรงพยาบาลตำรวจ สุดท้ายแล้วส่งตัวโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เช่นมีรายละเอียดว่าป่วยจริงหรือไม่ ลำดับถัดมา คือการอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ เป็น 100 กว่าวัน สุดท้ายแล้วเป็นการอยู่โดยชอบหรือไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องวีไอพีหรือไม่ และจากนั้น คือการออก เป็น 3 ส่วนสำคัญ ที่เราจำเป็นต้องวางหลัก และค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป

พร้อมยืนยันว่าการทำหน้าที่ในครั้งนี้ และหน่วยงานที่คิดว่าทำหน้าที่โดยสุจริต ก็ขอให้มาชี้แจงให้ครบถ้วน ซึ่งได้ข่าวว่า วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็จะเดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการด้วย แต่ยังไม่เห็นชื่อลำดับที่ 1 คือ นายทักษิณ แน่นอนว่าเราไม่มีอำนาจ ตามโทษทางกฎหมาย แต่โทษในความเข้าใจ ในความคิดของสังคม เป็นเรื่องที่ทุกคนไม่ควรละเลย นายทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ท่านก็คงมีผลงานหลายเรื่อง ที่สังคมอาจจะชื่นชม แต่ไม่ควรเอาทุกสิ่งที่เคยทำ มาทิ้งไว้ที่นี่

ส่วนการที่เชิญแต่เขาไม่มา ตนมองว่าวันนี้ถ้ารัฐมนตรี มา ก็หวังว่า จะได้ข้อมูลมากขึ้นและคงจะพิจารณาต่อไป ว่าข้อมูลเหล่านี้เพียงพอหรือยัง ก่อนจะพิจารณาเดินหน้าต่อหรือไม่ ซึ่งหากเราได้ข้อมูลมาก่อน ก็จะสามารถวางแนวทางได้ ส่วนครั้งต่อไปจะเชิญนายทักษิณ หรือไม่ ก็ต้องดูข้อมูลในวันนี้ แต่หากข้อมูลเป็นเชิงลบต่อนายทักษิณและรัฐบาล เราก็เดินหน้าต่อในการเอาผิดแต่ถ้าเกิดข้อมูลเป็นบวก

Advertisements

ทุกอย่างทำถูกกฎหมายไม่มีข้อพิรุธ วาระซ่อนเร้น ก็เป็นเรื่องที่กรรมาธิการไม่มีเหตุผลที่จะดำเนินการต่อไป แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบว่ามีความน่าสนใจ ของการให้ความร่วมมือของหน่วยงานราชการต่อเนื่อง เราพิจารณามา โดยเชิญหน่วยงานมากว่า 100 หน่วย ตนไม่เคยเจอความยากลำบากมากขนาดนี้ตนเป็น สส.สมัยที่สอง ก็ไม่เคยเจอความยากลำบากขนาดนี้ ค่อนข้างท้าทาย ว่าป่วยจริงหรือไม่ทำไมมันยากอย่างนี้ในการเข้าถึงข้อมูล

ตนคิดว่าต้องพูดโดยตรงกับรัฐมนตรียุติธรรม ว่าท่าทีของกระทรวงไม่ควรเป็นแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาการเชิญกระทรวงยุติธรรมมาในท่าทีที่ใช้พีดีพีเอ หรือกฎหมายปกป้องส่วนบุคคล กับกรรมาธิการ แต่ในความเป็นจริงกฎหมายเรื่องนี้ ไม่ได้ครอบคลุมรวมไปถึงการทำหน้าที่ของกรรมาธิการ ซึ่งเราสามารถทำได้ แต่พอเมื่อวานก็พยายามย้ำอีกว่า เรามีอำนาจอย่างนั้นอย่างนี้ ตกลงแล้วท่านต้องการที่จะให้ข้อมูลกับเราหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สุจริต แสดงว่าไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ม. 129 เป็นท่าทีที่ไม่สมควร ที่จะเกิดขึ้นจากหน่วยงานรัฐ และตัวรัฐบาลเอง

ส่วนในวันนี้ คดีอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณา ความเห็นว่าจะรับหรือไม่รับ นายรังสิมันต์ มองว่าตนไม่อยากลงรายละเอียดเรื่องนี้ พูดตรงตรง อีกไม่นานแล้ว ก็ต้องรอดู ว่าเป็นอย่างไร แต่คิดว่าสิ่งสำคัญของวันนี้ เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม และอยากให้เรารู้สึกว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมของพวกเราทุกคนจริงๆ ถ้าปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม เป็นแบบนี้ สิ่งที่เราต้องถามตัวเรา คือ เรารู้สึกสบายใจหรือไม่ ที่บางคนได้รับการปฏิบัติอย่างอภิสิทธิ์ชน ต่อกระบวนการยุติธรรม

ตนทราบดีว่า เรื่องนี้เป็นแดนพิศวง จะพยายามทำเรื่องนี้คลี่คลายให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยเราจะใช้โอกาสนี้ ทำให้กระบวนการยุติธรรมมันดีกว่าที่ผ่านมา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button