‘เสรีพิศุทธ์’ เล่าละเอียด วันเข้าพบ ‘ทักษิณ’ ดูปกติ ไม่มีเจ้าหน้าที่คุมซักคน
เสรีพิศุทธ์ เล่าละเอียด วันเข้าพบ ทักษิณ เผยเคยพบสองครั้ง ดูปกติไม่มีอาการป่วยอะไร เชื่อไม่ได้ป่วยจริง ไม่มีเจ้าหน้าที่คุมซักคน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ตั้งโต๊ะแถลงเล่าถึงวันที่เข้าพบกับนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้นในช่วงพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เล่าว่า ตอนนั้นมีโอกาสไปเจอนายทักษิณ 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ตนเดินทางไปพร้อมกับรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เมื่อไปจอดรถชั้นใต้ดินของโรงพยาบาลตำรวจ ได้มีคนสนิทของนายทักษิณ ซึ่งเป็นคนนัดหมายลงมารับ และพาขึ้นลิฟต์ไปตามเส้นทาง
เมื่อไปถึงชั้น 13 และเดินขึ้นไปต่อที่ชั้น 14 ซึ่งมีห้องฝั่งซ้ายและฝั่งขวา โดยห้องขวามือด้านถนนพระราม4 เป็นห้องห้องรับแขกส่วนห้องซ้ายมือเป็นห้องผู้ป่วย ซึ่งคนสนิทคนดังกล่าวได้พาตนไปยังห้องรับแขก จากนั้นมีคนนำกาแฟและผลไม้มาเสิร์ฟ
หลังจากนั้นนายทักษิณ ก็เดินจากห้องผู้ป่วยมาพบกับตน ซึ่งลักษณะไม่ได้มีอาการป่วย ทั้งยังได้มีการนั่งพูดคุยกัน โดยครั้งแรกเป็นการพูดคุยเรื่องการเมืองและความหลัง รวมถึงขอให้มีการถอนเรื่องนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตนได้มีการไปยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งครั้งแรกแรกมีการพูดคุยกันประมาณครึ่งชั่วโมง
ส่วนครั้งที่ 2 มีลักษณะคล้ายกัน แต่ครั้งนั้นได้พาพูดคุยริมหน้าต่างในห้องผู้ป่วย ซึ่งเห็นวิวสนามม้าอังรีดูนัง มีการพูดคุยเรื่องการเมืองซึ่งในวันดังกล่าวได้มีการระบุว่า จะไม่เอาตระกูลวงษ์สุวรรณ
“จนถึงวันนี้ผมเชื่อนายทักษิณ ไม่ได้มีอาการป่วยจริง และภาพที่เห็นบนชั้น 14 คือเขาไม่ได้มีการสวมใส่ชุดโรงพยาบาล แต่สวมใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขา ไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่มีการใส่น้ำเกลือ หรือเฝือกอ่อนดามคอเหมือนที่ปรากฏตามภาพข่าวในวันที่ออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งวันดังกล่าวไม่พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมเข้มเรื่องความปลอดภัยสักคน รวมถึงไม่มีพยาบาลหรือทางหมอเข้ามาตรวจเช็กอาการ มีเพียงคนรับใช้ที่คอยเสิร์ฟกาแฟและผลไม้ นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณ อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจไว้เพียงแค่รับแขกหรือไม่ ส่วนวันอื่นๆ อาจจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ส่วนความไว้วางใจให้ตนเข้าไปพบในครั้งนั้น เนื่องจากตนและนายทักษิณรู้จักกันมา 51 ปี ซึ่งมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นฝ่ายตนที่ช่วยเหลือมาโดยตลอด และเมื่อตอนเขาอยู่ต่างประเทศตนก็ยังเป็นห่วงในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมกันอย่างมาก และเมื่อกลับมาที่ประเทศไทยรู้ว่าเขามีอาการป่วย แม้จะไม่มีรายชื่อเข้าไปเยี่ยม แต่บังเอิญเขาต้องการให้ช่วยเรื่องของนายเศรษฐา จึงได้ส่งคนประสานมา
นอกจากนี้ยังมีรายชื่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าพบ เมื่อทราบข่าวตนก็ได้โทรสอบถามซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเคยเข้าไปพบจริงแต่ไม่ได้ลงในรายละเอียด
ในส่วนของการสอบสวนของป.ป.ช.และการใช้ข้อมูลกับทางป.ป.ช. พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ในส่วนของตนที่ทำงานสืบสวนสอบสวนมาตลอดชีวิต จึงได้มีการเตรียมข้อมูลหลักฐานไปครบทุกอย่าง ทั้งยังเคยสอบถามว่าการเชิญตนมาให้ปากคำ ส่วนคนสอบสวนเคยไปยังชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจแล้วหรือยัง ซึ่งเขาบอกว่ายัง ซึ่งตนมองว่าควรที่จะไปเนื่องจากการสอบสวนต้องลงดูที่เกิดเหตุ เผื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานมาประกอบการสอบสวนแต่ผู้ที่มาสอบสวนเรื่องนี้กลับไม่เคยไปดูสถานที่จริง และยังไม่รู้ว่าจะมีการไปดูสถานที่หรือไม่ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตนพูดจริงหรือโกหก รวมถึงยังแนะนำให้เชิญบุคคลไปให้การ รวมถึงกรณีป.ป.ช. ทำหนังสือถึงแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อขอเวชระเบียนผู้ป่วย ว่า ใครเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และใครที่กำกับดูแลสูงสุดซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี และอีกคน คือ รองนายกรัฐมนตรีนายภูมิธรรมเวชชัย ซึ่งต้องให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการ ก็ควรทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลให้สั่งการ ซึ่งหากไม่สั่งการจะทำให้ผิดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และผิดกฎหมาย ซึ่งทางป.ป.ช. สามารถดำเนินการกับนายกรัฐมนตรีรองนายกรัฐมนตรีรวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามมาตรา 34 ของพ.ร.บ. ป.ป.ช. ซึ่งมีโทษจำคุก 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท
นอกจากนี้ในส่วนตัวมองว่า ควรเรียกหลายบุคคลเข้ามาให้ข้อมูล เช่น คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของนายทักษิณ และครอบชินวัตร ซึ่งเป็น 10 รายชื่อที่สามารถเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ได้ รวมถึงพันตำรวจเอกทวี ที่ออกมายืนยันว่านายทักษิณ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งต้องถามว่าพันตำรวจเอกทวี นอนอยู่กับนายทักษิณตลอด 24 ชั่วโมงใช่หรือไม่ รวมถึงการไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งนายทักษิณ ไปรักษาตัวที่อื่นไม่ได้เข้าเรือนจำ ซึ่งเขาต้องคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ของเรือนจำ ดังนั้นการจะให้จำคุกหรือย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลต้องขอศาลหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลมาว่ามีการสั่งการให้เตรียมการให้นายทักษิณ รักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนหน้าอีก 2 วัน ซึ่งเป็นหน้าที่ของป.ป.ช. ที่ต้องไปแสวงหาข้อเท็จจริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง