กลิ่นกายที่เปลี่ยนไป อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยที่คุณควรมองข้าม นอกจากการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลแล้ว กลิ่นตัวที่ผิดปกติอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคภัยไข้เจ็บที่ซ่อนอยู่ เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า กลิ่นปาก กลิ่นเท้า หรือแม้แต่กลิ่นใต้วงแขนที่เปลี่ยนไป อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่คุณคาดไม่ถึง อย่ารอช้า มาเรียนรู้วิธีสังเกตสัญญาณเตือนจากกลิ่นกาย และปกป้องสุขภาพของคุณตั้งแต่วันนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก เคนนี่ ชาน (Kenny Chan) เภสัชกรผู้ให้บริการข้อมูลชั้นนำที่นูมาร์ค (Numark Phamarcy) ผู้ให้บริการผลิตและจัดจำหน่ายยาภายใต้บริษัท ฟีนิกซ์ เฮลท์แคร์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด (PHOENIX Healthcare Distribution Limited) กล่าวว่า การมีกลิ่นปาก กลิ่นเท้า และกลิ่นใต้วงแขนอย่างต่อเนื่องอาจ ‘ให้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ’
1.กลิ่นเท้าแรง
กลิ่นเท้าแรงอาจไม่ใช่แค่เรื่อง “ไม่สะอาด” แต่เป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ! เภสัชกรเตือนว่ากลิ่นเท้ารุนแรงอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การไม่ล้างเท้าบ่อยพอ การใส่รองเท้าและถุงเท้าซ้ำๆ หรืออาจเป็นสัญญาณของ “โรคน้ำกัดเท้า” ซึ่งเป็นการติดเชื้อราที่เท้า หากพบอาการคันหรือรอยสีขาวระหว่างนิ้วเท้า ควรรีบไปพบแพทย์หรือเภสัชกร ภาวะเหงื่อออกมากเกินไปก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เท้ามีกลิ่น เพราะความชื้นเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของแบคทีเรีย อย่าปล่อยให้กลิ่นเท้าเป็นปัญหาเรื้อรัง! ดูแลสุขภาพเท้าให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ค
2.กลิ่นปากเหม็น
กลิ่นปากเหม็นอาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ควรมองข้าม เภสัชกรเตือนว่ากลิ่นปากอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ โดยมีสาเหตุหลายปัจจัย เช่น สุขอนามัยช่องปากไม่ดี ปากแห้ง การกินอาหารบางชนิด หรือโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคตับ โรคไต หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หากมีกลิ่นปากเรื้อรัง แม้จะดูแลสุขภาพช่องปากอย่างดีแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง อย่าปล่อยให้กลิ่นปากเป็นสัญญาณเตือนที่ถูกมองข้าม
3.เหงื่อออกเยอะกว่าปกติ
การขับเหงื่อเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณมีเหงื่อออกตลอดเวลาโดยไม่มีสาเหตุ คุณอาจมีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ ซึ่งมีสองประเภท คือ ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติขั้นต้น ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีโรคประจำตัวแฝง และภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติทุติยภูมิ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน การติดเชื้อ วัยหมดประจำเดือน หรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
หรือยาบางชนิด
4.มีกลิ่นกายที่ไม่ยอมหาย
กลิ่นกายที่ไม่หายไปอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น อาหาร การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โรคภัยไข้เจ็บ หรือการติดเชื้อ แต่ไม่ต้องกังวลเว้นแต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นกายอย่างกะทันหันและไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพ เช่น กลิ่นผลไม้หรือกลิ่นหวานอาจเป็นสัญญาณของภาวะเบาหวานคีโต กลิ่นแอมโมเนียหรือสารฟอกขาวอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต กลิ่นคาวอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรีย และหากเหงื่อออกมากเกินไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของกลิ่น อาจเป็นเพราะภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติหรือปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
กลิ่นกายอาจเป็นมากกว่าแค่เรื่องของความสะอาด กลิ่นที่เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม การใส่ใจและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของกลิ่นกาย พร้อมกับการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณสามารถตรวจพบและรับมือกับปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้กลิ่นกายเป็นสัญญาณเตือนที่ถูกเพิกเฉย เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
อ้างอิง: ladbible.com
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
- เช็กอาการนั่งนาน เสี่ยงป่วย อวัยวะรวน โรครุมเร้าเพียบ ภัยเงียบจากเก้าอี้
- ง่วงนอนหลังกินข้าว ไม่อันตราย แต่ถ้าง่วงบ่อย อาจเป็นสัญญาณของ 4 โรคร้ายที่ไม่รู้ตัว
- วิธีแก้ระบบเผาผลาญพัง เช็กสัญญาณเตือน น้ำหนักพุ่ง-หุ่นพัง
