สุดช้ำ ‘เชอรีน เดอะสตาร์’ น้องสาวนิชคุณ เผยภาพแผลกลางวงสื่อ ถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย ตบ-ฉุดกระชาก เล่าทั้งน้ำตา ที่ผ่านมาอยู่อย่างหวาดกลัว จากนี้ขออย่าข้องเกี่ยวกันอีก
สืบเนื่องจากกรณี นักร้องสาวหน้าหมวย วัย 29 ปี เชอรีน เดอะสตาร์ หรือ ณัฐจารี หรเวชกุล น้องสาวของไอดอลเคป็อป นิชคุณ 2PM ได้เดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ พร้อมด้วย ทนายแก้ว มนต์ชัย หลังถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกายขณะคบหากัน ซ้ำร้ายทุกวันนี้ก็ยังถูกข่มขู่คุกคามไม่เลิก
อัปเดตความเคลื่อนไหวล่าสุด (23 กรกฎาคม 2567) หลังจากที่ ‘เชอรีน’ ได้เข้าแจ้งความ เจ้าตัวได้เปิดภาพแผลจากการถูกทำร้าย มีทั้งภาพแผลที่แขน และภาพปากแตก พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ระบุว่า สาเหตุที่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้เพราะที่ผ่านมา ถูกอดีตสามีทำร้ายร่างกาย และถูกคุกคาม ตั้งแต่มีลูกด้วยกัน รวมแล้วถูกทำร้ายทั้งหมด 4 ครั้ง
ครั้งแรกที่ถูกทำร้ายเกิดขึ้นตั้งแต่คลอดลูก โดยครั้งนั้นมีการทะเลาะกัน ประกอบกับมีอาการมึนเมาด้วย เธอถูกอดีตสามีตบเข้าที่ใบหน้าหลายครั้งจนปากแตก ซึ่งก็นับว่าเป็นการทำร้ายที่รุนแรงมาก แต่ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นคือ เขาตบหน้าถึง 10 ครั้ง ขณะที่เจ้าตัวนอนอยู่บนเตียง และเขานั่งอยู่ข้าง ๆ ทางเขาก็ได้คะยั้นคะยอให้พูด แต่ตนรู้ดีว่าถ้าเกิดตอบโต้มันจะรุนแรงขึ้นเพราะที่ผ่านมาเคยต่อสู้มา และมันก็รุนแรงขึ้น และหนักขึ้น ตอนนั้นจึงอยู่เฉย ๆ เขาก็ตบไปเรื่อย ๆ
การทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจากการเมาทุกครั้ง ก่อนที่จะมีลูกไม่เคยทำแบบนี้ ครั้งแรกที่เกิดคือเดือนพฤษภาคม 2565 ตอนนั้นเขามึนเมา ขาดสติ จากนั้นเขาก็ได้ขอโทษและยืนยันจะไม่ทำอีก ต่อมาครั้งที่ 2 ในกรกฎาคม 2565 จากนั้นก็มีครั้งที่ 3 ช่วงเมษายน 2566 และครั้งที่ 4 เดือนกันยายน 2566 ซึ่งทางนักร้องสาวก็มีหลักฐานทั้งมีภาพนิ่ง แชทข้อความ และคลิปเสียงต่าง ๆ ช่วงที่ทำร้ายร่างกาย ลูกก็อยู่ในบ้านด้วยแต่อยู่คนละห้อง ช่วงที่มีแผลลูกยังเด็กมากก็เลยยังไม่รู้เรื่อง
สาเหตุหลักน่าจะเกิดจากความหึงหวง อดีตสามีเป็นคนมีอารมณ์รุนแรง ในเวลาอื่น ๆ เขาก็เป็นคนที่หึงหวงรุนแรง ใช้คำพูดรุนแรงอยู่แล้ว พอมึนเมา ก็ลงมือหนักขึ้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากการเข้าใจผิดกัน อาทิ บางครั้งมีรุ่นน้องทักมาหา เพื่อนทักมาหา ก็เกิดความไม่พอใจที่คุยกัน ทางเจ้าตัวก็อธิบายด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้เห็นแชท แต่เหมือนเขาก็ไม่โอเค
หลังจากทำร้ายร่างกาย เขาได้มีการคุยกับแม่ ขอโทษกราบขอขมาแม่ ขอขมาหนู และคุยกันว่าจะไม่ทำอีกไม่มีอีก ทุกครั้งมีการพูดสัญญาเกิดขึ้นแต่ว่าก็ยังทำอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าจะหยุดไหม หรือจะทนไหม เพราะว่ามีลูกด้วยกัน ไม่อยากทำให้ครอบครัวแตกแยก
เหตุผลที่ชีวิตรักต้องจบลงเป็นเพราะรู้สึกว่าถึงขั้นเป็นห่วงชีวิตตัวเอง ณ ที่เกิดเหตุวันนั้นที่โดนตบหน้าหลาย ๆ ครั้ง รู้สึกได้ว่าถูกคุกคามถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าจะถึงชีวิตไหม วันนั้นก็เลยวิ่งตัวเปล่าออกจากบ้านมา ไม่มีของพกติดตัวมา มีแค่โทรศัพท์ แล้วก็วิ่งเท้าเปล่าออกมาจากหลังบ้าน เพราะกลัวว่าถ้าออกมาจากทางหน้าบ้านแล้วเขาจะได้ยินเสียง แล้วก็โทรหาเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อที่จะหนี ตอนนั้นลูกอยู่กับพี่เลี้ยงอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ทำอะไรถึงลูก และตอนนี้ก็เป็นคนเลี้ยงลูกเอง
หลังจากเลิกรากัน ส่วนใหญ่ที่อีกฝ่ายติดต่อมาจะเป็นอารมณ์แบบว่าอยากจะเอาลูกไปเลี้ยง จริง ๆ ที่ตกลงกันถ้าลูกอยู่กับเราเขาจะไม่ส่งเสียอะไรให้ แต่ถ้าลูกอยู่กับเขา เราก็จะไม่ต้องเสียอะไรเลย และให้เราเลือกให้ลูกอยู่กับใคร ตนจึงบอกไปว่า เลี้ยงลูกเองได้ ขอให้ลูกอยู่กับเราดีกว่า
ช่วงที่ผ่านมาถูกก่อกวนและติดตาม วันก่อนเขาโทรมาพูดประมาณว่า หากอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรา เขาก็รู้ได้หมด เขาสามารถรู้ว่าเข้าออกบ้านกี่โมง ใครมารับ มาส่ง ไปไหนกับใครเขารู้หมด และเขาก็โทรไปบอกแม่ว่าวันนี้เราออกจากบ้านกี่โมง กลับบ้านกี่โมง เขาอ้างว่าเขาเป็นห่วงลูก เขาก็เลยเอาคนมาตามมาดูว่าเราจะอยู่กับลูกไหม
นับตั้งแต่ที่เป็นสามีภรรยากันมาก็ค่อนข้างมีปัญหาในเรื่องของการมีอารมณ์รุนแรง และทะเลาะกันบ่อย ส่วนหนึ่งเวลาจะทำอะไรก็ค่อนข้างจะตามใจอดีตสามีนิดหนึ่ง ก่อนที่จะมีลูกเขาก็ดูแลดีมาก ให้แต่งตัวได้ ให้ออกไปเจอเพื่อนได้ แต่ว่าหลังจากที่แต่งงานกันแล้วแต่งตัวไม่ได้ ออกไปเจอเพื่อนไม่ได้ ไปทำงานไม่ได้ ต้องอยู่แค่กับเขา
ตอนนั้นก็ทำใจ อยู่กับลูกให้มีความสุขที่สุด พยายามโฟกัสที่ลูก มองว่าเราไม่ไปไหนก็ได้ ไม่ทำอะไรก็ได้ เราอยู่บ้านเลี้ยงลูกแล้วกัน จะได้มีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น พยายามมองในมุมที่ดี
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้รู้สึกหวาดระแวง รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย หลังจากที่เลิกกันช่วงแรกก็ยังมีมาเจอกันบ้าง เพราะว่าเราอยากอยากให้ลูกได้เจอพ่อ ได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อ แต่ว่าทุกครั้งที่เจอก็จะกลัวมาก ๆ กลัวว่าวันนี้เขาจะไม่พอใจอะไรอีกไหม กลัวว่าวันนี้เขาจะถึงขั้นไหนอีก เป็นความกลัวและเป็นความหวาดระแวง และทุกวันนี้ถูกติดตาม ถูกพูดจาแบบนี้ใส่ ก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ปลอดภัย
ระหว่างนี้ถ้าเขาอยากไกล่เกลี่ยพูดคุยก็ให้ติดต่อกับทางทนาย ขอไม่คุยด้วยตัวเอง จริง ๆ ถามว่าอยากได้อะไรจากเขา อยากให้เขาเลิกยุ่งแค่นั้นเลย ไม่ได้อยากได้อะไรอย่างอื่น เคยขอร้องเขาไปก่อนแล้วว่าถ้าเขาไม่หยุด เราก็คงต้องทำเพื่อตัวเองบ้างเหมือนกันก็ได้มีการขอให้เขาหยุด
ครอบครัวซัพพอร์ตทุกอย่างที่เลือก แต่คนที่ต้องผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปก็คือตัวเราเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็คอยอยู่ซัพพอร์ต เอาทางที่เรารู้สึกว่าเราสบายใจและเราเลือกได้ดีที่สุด ทางพี่ชายก็เป็นห่วงมาก จริง ๆ ไม่ได้อยากให้เป็นข่าว แค่อยากมาแจ้งความเพราะเหมือนว่าถ้าลงบันทึกประจำวันไว้ หากในอนาคตเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยมันเคยมีแจ้งความไว้ แต่พอเราเล่าให้ทางทนายฟังที่เขาตามมาคุกคาม หรือตามมาเฝ้า ก็เลยคิดว่าถ้าสมมติว่าเป็นข่าวไม่ออกมาสู่แสง ถ้าวันนึงเราหายไป คือจะไม่มีใครรู้ และจะอันตรายต่อตัวเราและลูกด้วย
ทุกวันนี้ก็พยายามใช้ชีวิตต่อ เพราะเราได้หยุดใช้ชีวิตเพื่ออยู่ดูแลครอบครัวมานานแล้ว ทุกอย่างจึงเหมือนเริ่มใหม่ทั้งหมด ค่อนข้างที่จะกลัว แต่มันก็ต้องทำ และก็ต้องพยายามเป็นแม่ที่ดีมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะต้องเลี้ยงลูกเหมือนกัน
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ ‘เชอรีน’ ได้ฝากถึงอดีตสามีว่าให้หยุดได้แล้ว อยากให้มันจบแค่นี้ เพราะสงสารลูก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เชอรีน” น้องสาวนิชคุณ จ่อแจ้งความถูกอดีตสามี ทำร้ายร่างกาย-คุกคาม
- เชอรีน น้องสาวนิชคุณ ประกาศเลิกสามี ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
- ย้อนเส้นทางรัก “เชอรีน” กับ อดีตสามี จากวันแต่งงาน ถึงวันหย่าขาด