วิธีช่วยเหลือคนถูกไฟดูด ต้องทำยังไงให้ปลอดภัย ทั้งตัวเอง-ผู้บาดเจ็บ
แม้ไฟฟ้าจะเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อคือ “ไฟฟ้าดูด” ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายต่อร่างกายได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นเสียชีวิต หากเราพบเห็นผู้ประสบเหตุ จะสามารถช่วยเหลืออย่างไรให้ปลอดภัยทั้งต่อตัวเราเองและผู้บาดเจ็บ
วิธีช่วยเหลือผู้ประสบเหตุไฟฟ้าดูด
หากพบเห็นผู้ถูกไฟฟ้าดูด ไฟรั่ว หรือไฟช็อต สิ่งสำคัญคือต้องตั้งสติและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณเอง:
1. ห้ามสัมผัสผู้บาดเจ็บโดยตรง หากยังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของพวกเขาอยู่
2. อย่าเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ ยกเว้นในกรณีที่พวกเขาอยู่ในอันตรายที่จะถูกไฟฟ้าดูดซ้ำ
3. ตัดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า หากทำได้อย่างปลอดภัย เช่น ปิดสวิตช์ไฟ ถอดปลั๊ก หรือใช้ไม้แห้งเขี่ยสายไฟออก
4. รักษาระยะห่างอย่างน้อย 6 เมตร หากผู้บาดเจ็บถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดและสายไฟยังมีกระแสไฟฟ้าอยู่
5. โทรขอความช่วยเหลือทันที หากผู้บาดเจ็บถูกฟ้าผ่า ไฟฟ้าแรงสูงดูด หรือมีอาการหายใจลำบาก หมดสติ ชัก มีอาการปวดหรือชาตามกล้ามเนื้อ หรือมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
6. ตรวจสอบการหายใจและชีพจร หากจำเป็น ให้ทำ CPR จนกว่าทีมแพทย์ฉุกเฉินจะมาถึง
7. ยกเท้าให้สูงเล็กน้อย หากผู้บาดเจ็บมีอาการช็อก เช่น คลื่นไส้ หน้ามืด หรือซีดเซียว เว้นแต่การยกเท้าจะทำให้เจ็บปวดมากขึ้น
8. ปิดแผลไฟไหม้ด้วยผ้าก๊อซที่สะอาด ห้ามใช้พลาสเตอร์ปิดแผลหรือวัสดุอื่นใดที่อาจติดกับแผล
9. ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เพื่อป้องกันภาวะช็อก
ขั้นตอนการปฐมพยาบาลผู้ถูกไฟฟ้าดูดจาก สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ >> ไฟล์ PPT
หากโดนไฟดูดต้องทำยังไง
กรณีที่เราเราถูกไฟฟ้าดูด การตอบสนองอย่างรวดเร็วและถูกวิธีจะสามารถช่วยลดความรุนแรงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูด หากคุณรู้สึกว่าอาการของคุณรุนแรง ให้ตั้งสติและพยายามทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ปล่อยมือจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้าให้เร็วที่สุด เพื่อหยุดการไหลของกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย หากสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ให้รีบตัดกระแสไฟฟ้าในบริเวณที่เกิดเหตุทันที เช่น ปิดสวิตช์ไฟ ดึงปลั๊ก หรือถอดฟิวส์ หากไม่แน่ใจว่ากระแสไฟฟ้าถูกตัดแล้วหรือไม่ ให้ใช้วัสดุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น ไม้แห้ง หรือผ้าแห้ง เขี่ยหรือดึงผู้บาดเจ็บออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
2. โทรขอความช่วยเหลือทันที หากทำได้ ให้โทรแจ้ง 191 หรือ 1669 หรือหน่วยบริการฉุกเฉินในพื้นที่ทันที หากไม่สามารถทำได้ ให้ตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
3. อย่าเคลื่อนไหว เว้นแต่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายออกจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า เพื่อป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหว
ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง อย่าชะล่าใจ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด แม้ว่าจะไม่มีอาการภายนอกที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ เนื่องจากอาจมีการบาดเจ็บภายในที่ตรวจพบได้ยากในระยะแรก ในระหว่างรอพบแพทย์ หากมีบาดแผลจากการถูกไฟฟ้าดูด ให้ทำความสะอาดแผลเบื้องต้นด้วยน้ำสะอาด และปิดแผลด้วยผ้าก๊อซที่สะอาดและปลอดเชื้อ ห้ามใช้พลาสเตอร์ปิดแผลหรือวัสดุอื่นใดที่อาจติดกับแผล
การรักษาผู้บาดเจ็บจากไฟฟ้าดูด
จำไว้ว่า การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและทันท่วงทีสามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยจากไฟฟ้าดูดได้ เพราะไฟฟ้าดูดเกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย ทำให้เกิดการบาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ความรุนแรงของการบาดเจ็บขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ปริมาณกระแสไฟฟ้า ระยะเวลาที่ถูกไฟฟ้าดูด และเส้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย การรักษาผู้ป่วยจากไฟฟ้าดูดจะขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของการบาดเจ็บ โดยอาจรวมถึง
– การรักษาแผลไฟไหม้ ทำความสะอาดแผล ทายาปฏิชีวนะ และปิดแผลด้วยผ้าพันแผลที่สะอาด
– ยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดที่อาจเกิดขึ้นเบื้องต้น จากนั้นจึงค่อยส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
– การให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและป้องกันภาวะขาดน้ำ
– การฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก ในกรณีที่แผลมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อบาดทะยัก
“ไฟฟ้าดูด” แม้รักษาหาย แต่อาจทิ้งร่องรอยในระยะยาว
การถูกไฟฟ้าดูดนั้น นอกจากจะมีอันตรายในขณะเกิดเหตุแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย ผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุไฟฟ้าดูดอาจเผชิญกับปัญหาสุขภาพหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่มองเห็นได้ชัดเจนและซ่อนอยู่ภายใน
ผลกระทบภายนอกที่เห็นได้ชัด
แผลเป็นจากไฟไหม้: ไฟฟ้าดูดอาจก่อให้เกิดแผลไหม้รุนแรง ซึ่งอาจทิ้งรอยแผลเป็นถาวรบนผิวหนัง
ต้อกระจก: หากกระแสไฟฟ้าไหลผ่านดวงตา อาจทำให้เกิดต้อกระจก ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็น
ผลกระทบภายในที่อาจมองไม่เห็น
อาการปวดเรื้อรัง: ผู้ที่ถูกไฟฟ้าดูดอาจมีอาการปวดตามร่างกายเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นผลจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อภายใน
อาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่า: กระแสไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการชาหรือรู้สึกเสียวซ่าตามร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอาการเรื้อรัง
กล้ามเนื้ออ่อนแรง: การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อจากไฟฟ้าดูดอาจทำให้อ่อนแรงลง และอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูเป็นเวลานาน
การป้องกันอุบัติเหตุไฟฟ้าดูด
- ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดี
- ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขณะมือเปียก หรือในบริเวณที่เปียกชื้น
- ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (ELCB) เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูด
- ไม่ควรแก้ไขหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้าเองหากไม่มีความรู้
- สอนเด็ก ๆ ให้รู้จักอันตรายของไฟฟ้า และไม่ให้เล่นใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง