ข่าวการเมือง

ด่วน! ‘บิ๊กต่อ’ เตรียมคัมแบ็ค ผบ.ตร. ส่วน ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยังต้องรอสอบต่อ

วิษณุ แถลง บิ๊กต่อ เตรียมคัมแบ็คตำแหน่ง ผบ.ตร. ส่วน บิ๊กโจ๊ก ยังต้องรอตรวจสอบว่าขั้นตอนสั่งออกจากราชการ ถูกต้องหรือไม่

นาย วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตั้งโต๊ะแถลงเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.

Advertisements

โดยนาย วิษณุ ระบุว่า ทีมสอบสวนได้แจ้งผลให้นาย เศรษฐา แล้วเมื่อ 2-3 วันก่อน และเห็นว่าเหมาะแก่เวลาแล้ว ที่จะแจ้งถึงผลการสอบสวน โดยสรุปได้ความว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. เป็นเวลา 4 เดือนพอดีก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความขัดแย้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ หรือไม่พอใจต่อสภาพที่เกิดขึ้น

ท่านนายกฯ จึงมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเรียกว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อประมวลเรื่องราวมาว่าเป็นมาอย่างไรและแก้ไขอย่างไรในอนาคต และได้สอบพยานไปกว่า 50 คน สอบสวนคู่กรณี ใช้เวลา 4 เดือนปิดจ๊อบในเรื่องนี้ สรุปได้ความดังนี้

ผลการตรวจสอบมีความขัดแย้งและความไม่เรียบร้อยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง ทุกระดับ ทุกฝ่าย จนกระทั้งเป็นคดีความต่างๆ ฟ้องร้องภายในนอก ร้องเรียงบ้างภายใน

เรื่องราวส่วนใหญ่เกี่ยวกับตำรวจสองท่าน คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และแต่ละท่านมีทีมงานของตัวเองอยู่ใต้บังคับบัญชา ทีมงานก็เกิดความขัดแย้งไปด้วย คดีสำคัญที่เกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้ เช่น คดี 140 ล้าน หรือ คดีเป้รักผู้การเท่าไหร่ อย่างที่เรารู้จักกันทั่วไป คดีกำนันนก คดีมินนี่ คดีพนันออนไลน์ BNK และคดีย่อยๆ 10 คดีเมื่อเป็นเช่นนี้ต้องดำเนินการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ

บางเรื่องเกี่ยวพันกับหน่วยงานนอกกระบวนการยุติธรรม ได้แก่ ป.ป.ช. รับดำเนินการ ไม่มีคดีตกค้างที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก มีเจ้าของรับผิดชอบทุกคดีแล้ว

Advertisements

จึงเป็นผลสรุป ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ให้กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ 18 เมษายน อยู่ตำแหน่งหน้าที่เดิม แต่ในวันเดียวกันมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและตามมาด้วยอีกคำสั่งนึงคือให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ส่วนกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ส่งกลับปฏิบัติหน้าที่เดิม เพราะไม่มีอะไรสอบสวนแล้ว ส่วนคดีจะเป็นอย่างไรให้ดำเนินตามสายงานของมัน ส่วนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ออกราชการไว้ก่อน ซึ่งการสั่งแบบนี้เป็นการสั่งตามกันมาในอดีต ตามมาตรา 132 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ แต่อย่างไรก็ตามใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่นี้ มีการเพิ่มมาตราการว่า ในกรณีสั่งตำรวจให้ออกจากราชการไว้ก่อน ไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลนั้น จะต้องกระทำตามแนะนำหรือเสนอแนะ เรื่องนี้ปรากฎว่าเป็นปัญหา และหารือ และ คณะกฤษฎีกา มีมติ 10-0 กระทบต่อสิทธิหน้าที่ จึงทำโดยคำเสนอแนะ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ผ่านคณะกรรมการสอบสวน ไม่ถูกต้องและไม่ชอบทำ โดยจะให้สำนักงานแห่งตำรวจต่างชาติดำเนินต่อไป

กล่าวคือสถานะของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำลังรอกราบบังคมทูล จำเป็นต้องมีการตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติขั้นตอนถูกต้องหรือไม่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button