‘เจ๊มด เมียเสี่ยต้น’ ไม่ให้การ ขอสู้ในศาล ยอมรับว่าขัดแย้งในครอบครัวจริง
เจ๊มด เมียเสี่ยต้น ปิดปากไม่ให้การ ขอสู้ในศาล แต่ยอมรับว่ามีความขัดแย้งในครอบครัวจริง ตำรวจยันมีหลักฐานพร้อมเชื่อมไปถึงผู้จ้างวาน
เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. ของวันที่ 3 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. แถลงข่าวความคืบหน้าคดีภายหลังจากสอบปากคำ เจ๊มด หรือ น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้น ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ใช้จ้างวานและชี้เป้า และ นายสาโรจน์ เป็นผู้ตระเตรียมการ จัดหาอาวุธและพาหนะ, นายวีรภัทร คนขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ
พล.ต.ต.นพศิลป์ แถลงว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย นายวีรภัทรและนายสาโรจน์ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้ไปซื้อปืนในราคา 12,000 บาท โดยนายสาโรจน์ก็จัดหาให้ ส่วนนายวีรภัทรยอมรับว่าตัวเองรู้จักกับมือปืนที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรามอินทรา 62 และได้เจอกับนายณัฐพล หลังจากนั้นได้พูดคุยกัน นายณัฐพลอ้างว่าให้ไปช่วยติดตามเมียเพราะว่าทะเลาะกัน ขอให้ช่วยขับรถให้ ถ้าเกิดเจอเมียและพบว่าไปมีคนอื่น ขอให้ช่วยกันลงมือยิง นายวีรภัทรก็ตกลงและได้รับค่าจ้าง 4,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นไม่มีเงิน
หลังจากนั้น ช่วงกลางคืนวันที่ 8 เม.ย. นายณัฐพลอ้างว่าให้ช่วยไปตามเมีย ก่อนจะนัดเจอกันที่โรงเหล้าแห่งหนึ่ง โดยนายณัฐพลเป็นคนพกอาวุธปืนมาด้วย ซึ่งช่วงแรกนายณัฐพลเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ แล้วนายวีรภัทรซ้อนท้าย จากนั้นได้ส่งปืนมาให้นายวีรภัทรลงมือยิง แต่ตอนนั้นนายวีรภัทรตกใจ ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ ประกอบกับกล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนที่หยุดรถ และนายวีรภัทรลงจากรถ แล้วอยากจะเอาปืนไปซุกไว้ที่กอหญ้า แต่ปรากฏว่านายณัฐพลไม่ยอม แล้วบอกว่า “เดี๋ยวกูทำเอง” และให้นายวีรภัทรเป็นคนขับรถ
ด้านนายวีรภัทร อ้างว่าตัวเองตั้งใจขี่รถมาทางด้านซ้ายของรถเสี่ยต้น เพราะคิดว่าหากยิงจากวิถีนี้น่าจะแค่เฉียดเป้าหมาย แต่หากขี่เอียงไปทางด้านขวาจะสามารถยิงเป้าหมายเข้าถูกจุดแน่นอน จึงพยายามขี่รถชะลอไม่ให้ขี่ตามรถเสี่ยต้นทัน
จากการสอบปากคำ น.ส.วรรณิภา ยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว ส่วนเรื่องอื่นๆ ขอไม่ให้การ และขอไปต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้จ้างวานฆ่า ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุและพยานเอกสารที่เป็นหลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการติดต่อสื่อสาร โดยในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเราพบว่าผู้จ้างวานฆ่าได้ติดต่อหามือปืนจากอินเตอร์เน็ตและเป็นคนติดต่อเอง พร้อมกับใช้เวลาในการนัดหมายลงมือประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งเรารวบรวมครบถ้วน ก่อนยื่นต่อศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีได้
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า น.ส.วรรณิภามีการจ้างให้กลุ่มมือปืนยิงเสี่ยต้น หวังให้ตายเพื่อประโยชน์เรื่องทรัพย์สินและเงินประกันชีวิต เชื่อว่าจุดประสงค์ในการก่อเหตุคือต้องการหวังเอาชีวิต แต่มือปืนดันทำไม่สำเร็จ ซึ่งมือปืนให้ข้อมูลว่าภรรยาเสี่ยต้นมีการโอนเงินและให้เป็นเงินสดประมาณกว่า 300,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบว่าภรรยาของเสี่ยต้นไม่ได้รู้จักกับกลุ่มจ้างวานเป็นการส่วนตัว แต่มารู้จักเพราะต้องการให้ทำภารกิจนี้
ส่วนความรู้สึกของผู้ต้องหาทั้งหมดก็เศร้าและเครียดพอสมควร สำหรับความเชื่อมโยงไปยังคดีที่ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เชื่อว่าคดีที่ สน.วังทองหลาง จะเป็นสารตั้งต้น ซึ่งพยานหลักฐานจะเชื่อมโยงไปถึงหรือไม่นั้น ให้ตำรวจภูธรภาค 4 เป็นคนดำเนินการและขยายผลต่อ ทั้งนี้ หลังจากนี้หากสอบปากคำแล้วพบว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด ส่วนปืนของนายสาโรจน์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าไปซื้อมาจากที่ใด ส่วนประเด็นโทรศัพท์ที่ภรรยาหาข้อมูลซื้อไซยาไนด์ทางออนไลน์นั้น ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จับด่วน “เมียเสี่ยต้น” เปิดเหตุแค้น ทำไมต้องจ้างฆ่า สามีตัวเอง
- ย้อนดูแชตลับ คนสนิทเสี่ยต้น สงสัยชนวนแค้นวันด่ากราดแม่ยายและภรรยา
- เร่งแกะเบาะแสการตาย “เสี่ยต้น” คนใกล้ชิดเข้าให้ปากคำเพิ่ม ทนายฝั่งเมียไม่เชื่อวางยา