บันเทิง

รีวิว Immaculate บริสุทธิ์ผุดปีศาจ ท้าทายศาสนาแบบเลือดสาด

รีวิว Immaculate (2024)

  • ชื่อไทย : บริสุทธิ์ผุดปีศาจ
  • คะแนนจาก imdb : 5.7/10
  • คะแนนจาก Rotten tomatoes : 73%

หนังสยองขวัญแนวศาสนาเรื่องใหม่ “Immaculate” น่าสนใจตั้งแต่ปล่อยตัวอย่าง ไม่ใช่แค่เพราะเส้นเรื่องเน้นที่แม่ชีซึ่งกำลังตั้งครรภ์แบบปฏิสนธินิรมลเท่านั้น แต่ยังได้นางเอกสาวแห่งยุค ซิดนีย์ สวีนนีย์ ที่โด่งดังจากซีรีส์สุดฉาวอย่าง Euphoria และ The White Lotus มาเป็นนางเอกแม่ชีผู้โดนกระทำด้วย

ในตัวอย่างแรกของหนัง ก็มีเค้าลางว่า Immaculate จะเข้าไปแตะแนวทางการเอาศาสนามาผสมกับเรื่องอื้อฉาวและความรุนแรง ผู้กำกับไมเคิล โมฮัน ก็พาเรื่องไปได้สุดในแนวทางนั้นจริงๆ แต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังรู้สึกกั๊กๆ ปล่อยไม่เต็มที่

ซิดนีย์ สวีนนีย์ รับบทเป็นซิสเตอร์ ซีซีเลีย นักเรียนชีที่เตรียมจะบวชถือศีล สละทรัพย์สมบัติ ละเว้นกาม และเชื่อฟังต่อพระผู้เป็ฯเจ้าภายในคอนแวนต์แห่งหนึ่งในอิตาลี ที่นั่น เธอไม่เพียงแต่จะอุทิศตนแด่พระคริสต์เท่านั้น แต่ยังดูแลบรรดาผู้ทรงศีลชราภาพอีกด้วย

ท้าทายความเชื่อศาสนา พระผู้เป็นเจ้ากลับมาประสูติ

ฉากในหนังเราจะเห็นพวกแม่ชีแก่ชราเดินเตร็ดเตร่ไปมาตามโถงทาง พูดจาคลุมเครือ และบางครั้งแสดงความรุนแรง ซึ่งสร้างความหวาดกลัวแบบเสียวสันหลังวาบ หนังเรื่องนี้ขอเตือนไว้ก่อนว่าจั๊มสแกร์มีค่อนข้างถี่ แต่ก็ไม่ละทิ้งหัวใจสำคัญของความสยองขวัญที่ใช้ศรัทธาของซีซีเลียไปต่อสู้กับความชั่วร้าย

ในเรื่อง นางเอกผู้ใสซื่อเดินทางจากบ้านเกิดสหรัฐมาบวชที่อิตาลี สาบานต่อบาทหลวงซัล เทเดสคี (รับบทโดย อัลวาโร มอร์เต) อย่างหนักแน่นว่าเธอจะยึดถือพรหมจรรย์ แต่เมื่อเกิดการท้องขึ้น แม่ชีอธิการ กับพระคาร์ดินัลก็ประกาศว่านี่คือปาฏิหาริย์ ด้วยหลักฐานยืนยันจากภาพเครื่องอัลตราซาวด์ พวกเขาประกาศทึกทักเอาเองว่าซีซีเลียกำลังตั้งครรภ์ เปรียบเสมือนพระแม่มารีองค์ที่สอง พระผู้ไถ่กลับมาเกิด

ขณะที่ครรภ์เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ แม่ชีผู้อุทิศตนคนนี้เริ่มสงสัยว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงหรือไม่ แน่นอน ว่าการอยู่ท่ามกลางชาวคาทอลิกผู้เคร่งศาสนาที่เชื่อว่าบทบาทของเธอในชีวิตคือการเป็นผู้ให้กำเนิดบุตรคนนี้ ย่อมก่อให้เกิดความขัดแย้งในเรื่อง

ความดีงามคือได้ดูซิดนีย์พาตัวละครซิสเตอร์ เซซิเลีย เปลี่ยนจากคนไร้เดียงสาที่อ่อนโยนไปเป็นบางสิ่งที่คาดไม่ถึงและดุร้าย วินัยอันเคร่งศาสนาของเธอลดลงไปทุกครั้งที่ถูกล่วงเกิน ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 89 นาที ดำเนินเรื่องไปสู่จุดสุดยอดที่ดิบเถื่อน จนคนดูแทบตั้งตัวไม่ทันในช่วงท้ายเรื่อง

การแสดงของ ซิดนีย์ และ เบเนเดตต้า พอร์คาโรลี่ (Benedetta Porcaroli) ถือว่ามีเคมีที่ยอดเยี่ยมมาก หนังเรื่องนี้หยิบยืมโทนและพล็อตมาอย่างหนักจากหนังสยองขวัญเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และสถานที่ปิดตายที่มีผู้หญิงหลายคนรวมกัน

องก์แรกที่ซีซิเลียตื่นเต้นอย่างมากที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มซิสเตอร์ แม้จะเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและการแก่งแย่งกันเอง ก็ชวนให้นึกถึง Suspiria (ทั้งเวอร์ชั่นเก่าและใหม่) แสงสีในคอนแวนต์ช่วยสร้างพื้นที่เหนือจริง ซึ่งผสมผสานการทำงานและการทุ่มเทแบบสุดโต่งเข้ากับสีแดง (อย่างพวกหน้ากากคลุมหน้า) เพื่อสร้างบรรยากาศนรกแบบหนัง giallo นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครแนวซิสเตอร์ฮูดสุดระทึกเหมือนในเรื่อง Suspiria ทั้งมิตรและศัตรูอีกเพียบ

น่าเสียดายที่ไอเดียหลัก Immaculate กลับถูกบั่นทอนลงเพราะหนังเลือกที่จะโชว์ภาพเร้าอารมณ์มากกว่าให้ความสำคัญกับตัวละคร

พัฒนาการตัวละคร

ช่วงแรกของหนังที่แนะนำตัวละครนั้นน่าสนใจ แม้จะเป็นภาพจำแม่ชีทั่วๆไป อย่าง สาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา, โสเภณีปากจัดจ้าน และสาวกผู้คลั่งศาสนาอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามในองก์ที่สองของหนัง บุคลิกของ ซีซีเลีย ถูกลดความสำคัญลง เพื่อให้เธอเป็นแค่ตัวประกอบ ซึ่งในแง่หนึ่งก็ถือว่าฉลาดอยู่ ผู้กำกับอาจต้องการสะท้อนให้เห็นว่าเธอเปลี่ยนจาก “คน” ไปเป็นแค่ “ภาชนะ” ของชาวคาทอลิกรอบตัว ที่ชีวิตเธอมีค่าไม่เท่ากับทารกในครรภ์

แต่ในมุมมองของคนดู ไม่ใช่แค่สิทธิความเป็นเจ้าของร่างกายของ ซีซีเลีย ที่หายไปตอนเหล่าบาทหลวงและซิสเตอร์อาวุโสตัดสินว่าจะให้คลอดแบบไหน แต่มันรวมถึงการเข้าถึงความคิดภายในจิตใจเธอไปด้วย

น่าแปลกใจที่ผู้กำกับ ไม่เปิดโอกาสให้นางเอกได้แสดงอารมณ์ข่าวอันชวนตะลึงว่า ไม่เพียงเธอท้องปาฏิหาริย์ แต่ทารกในท้องยังเชื่อกันว่าคือพระเยซูกลับชาติมาเกิด ซิสเตอร์อื่นๆไม่ปลื้มก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะวิจารณ์ แต่ซิดนีย์มีแค่น้ำตาหยดเดียวไว้แสดงความรู้สึกอันน่าจะท่วมท้นมากมาย

องก์ที่สามโยนเธอเข้าสู่ฉากความรุนแรงและเลือดสาดมากมาย ที่ซึ่งภาพทางศาสนาอย่างไม้กางเขนสีทองและสายประคำอันแข็งแรงถูกใช้เป็นอาวุธ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสนุกแบบไม่แคร์อะไรในการดูฉากต่อสู้แปลกประหลาดเหล่านี้ แต่เส้นเรื่องทางอารมณ์กลับหล่นหายไป

ฉากจบของหนังเลยกลายเป็นแค่การจบตามขนบทั่วไป อารมณ์แห้งแล้งหายไปตั้งแต่ก่อนฉากสุดท้าย ยิ่งไปกว่านั้น ตัวหนังยังส่งสารที่ขัดแย้งกันเองโดยการส่งเสริมแนวคิดเรื่องสิทธิเหนือร่างกาย ผ่านเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยภาพเปลือยของผู้หญิงที่ติดอยู่ในเรื่องราวอันเลวร้ายนี้ ถึงมันจะเป็นหนังที่เกี่ยวกับสิทธิในร่างกายของเราเอง แต่มันไม่ได้เป็นของเราจริงๆ — มันกลับกลายเป็นวัตถุทางสายตาให้คนทั้งโลกได้จ้องมอง

กระนั้นก็ต้องชมเชย ซิดนีย์ ที่ไม่เพียงแต่แสดงฝีมือในฐานะนักแสดงนำ แต่ยังเป็นผู้อำนวยการสร้างของ Immaculate อีกด้วย ถึงหนังจะดูไม่ค่อยมั่นคงในบางจุด แต่มันก็แสดงให้เห็นความกล้าหาญของเธอ ไม่ใช่แค่ในการรับบทนักแสดง ที่ลงทุนเล่นฉากเปลือย เลือดสาด แอคชั่น แต่รวมถึงการส่งสารที่เจิดจ้าเกี่ยวกับสิทธิของผู้หญิง และคนท้องที่มีเหนือร่างกายของตนเอง นี่คือจุดแข็งของ Immaculate โดยเฉพาะการแสดงในองก์ที่สามที่เหล่าเสียงกรีดร้องของสวีนีย์ไม่ได้เป็นเพียงเสียงแห่งความหวาดกลัว แต่เป็นเสียงคำรามแห่งสงคราม

สรุปแล้ว Immaculate คืองานหนังสยองขวัญเอนเตอร์เทนเมนท์ระดับเกรด B ที่ผสมความเซ็กซี่ ฉากรุนแรง และเลือดสาดเข้ากับพลังของดาราดังและแนวคิดที่ไม่แคร์ใครหน้าไหน แต่ถึงจะใส่ใจในเรื่องการเมือง น่าเสียดายหนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้

สำหรับใครที่อยากไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง สามารถรับชม Immaculate บริสุทธิ์ผุดปีศาจ ได้ทุกโรงภาพยนตร์ 22 มีนาคม นี้

อ้างอิง : (1)

เกร็ดความรู้ แม่พระมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล เรื่องราวความศรัทธาอันน่าอัศจรรย์

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมชาวคาทอลิกถึงเคารพยกย่องพระนางมารีย์? หนึ่งในความเชื่อที่พิเศษสุดคือเรื่องราว “พระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล” หลายคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ อาจไม่รู้ว่าสำคัญยังไง Thaiger จะเล่าให้ฟัง

ลองจินตนาการว่าพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า ได้รับของขวัญพิเศษก่อนวันประสูติ ของขวัญนั้นคือ “การทรงพ้นจากบาปกำเนิด” บาปกำเนิดเปรียบเสมือนมรดกตกทอดที่ไม่พึงประสงค์ เป็นการแบ่งแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า

แต่ด้วยความเชื่อเรื่อง “พระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล” พระนางจึงทรงได้รับการยกเว้นจากบาปกำเนิด เปรียบเสมือนวีรสตรีทางจิตวิญญาณที่ไร้ซึ่งมลทิน

ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ? ชาวคาทอลิกมองพระนางมารีย์เสมือนภาชนะอันศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้ให้กำเนิดพระเยซูเจ้า หนังเกี่ยวกับศาสนาหลายเรื่อง หยิบแนวคิดนี้มาเป็นสัญญาะพลอตเรื่อง อย่างเช่น “จอกศักดิ์สิทธิ์” ในนิยายเดอะดาวินชีโค้ด ที่จอก สื่อถึงครรภ์ของพระแม่มารีย์ที่โอบอุ้มเลือดพระคริสต์

ความเชื่อเรื่องนี้มีมายาวนานหลายศตวรรษ แต่เพิ่งได้รับการประกาศเป็นหลักคำสอนอย่างเป็นทางการของศาสนจักรคาทอลิกในปี ค.ศ. 1854

ประเด็นนี้เคยถูกถกเถียงโดยเหล่าพระสันตะปาปาและนักเทววิทยาอย่างร้อนแรง แต่ท้ายที่สุด ความเชื่อเรื่อง “พระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล” ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของศรัทธาคาทอลิก

สำหรับคริสเตียนบางนิกายอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะไม่ได้ถูกกล่าวไว้ชัดเจนในพระคัมภีร์ แต่ชาวคาทอลิกมองพระคัมภีร์และประเพณีควบคู่กัน เปรียบเสมือนการประกอบชิ้นส่วนจิ๊กซอว์

พวกเขาเห็นเค้าลางเกี่ยวกับสถานะพิเศษของพระนางมารีย์กระจายอยู่ทั่วพระคัมภีร์ และ “พระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล” ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวการไถ่บาปอันยิ่งใหญ่ในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก

เป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทพิเศษของพระนางในแผนการของพระเจ้า และความพิเศษที่เตรียมพระนางให้พร้อมสำหรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button