เปิด 6 สาเหตุของรักร้าว ย้อนดูจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ทำให้คู่รักเลิกกัน หากไม่อยาก Bad Valentine ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ห้ามทำสิ่งเหล่านี้
ในวันวาเลนไทน์ 2024 สำหรับบางคนอาจจะเป็นวันแห่งความหวานชื่น แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ต้องเศร้าหมองจากความรัก เหตุเพราะ “การเลิกรา” บ้างก็ไปด้วยกันไม่ได้ บ้างก็ฝืนประคองรักไม่ไหวและมาถึงทางตันในที่สุด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเลิกรากันก็มีมากมาย
Thaiger จะพาผู้อ่านไปสำรวจรอยร้าวในความสัมพันธ์ของอดีตคู่รักนับพัน ที่เป็นเหตุให้วันนี้เป็น Bad Valentine ของพวกเขา เพื่อให้คนมีคู่ทั้งหลายหาทางรับมือก่อนรักพัง และเพื่อเป็นการเตือนใจว่า ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด!
1. ความไว้วางใจที่พังทลายลง
“ความไว้วางใจ” นับเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดี เมื่อใดที่พังทลายลง บรรดาความดีและความเชื่อใจที่เคยมอบให้ก็แทบจะสูญสิ้นไปในพริบตา ซึ่งชนวนที่ทำให้ความไว้วางพังลงก็มีมากมาย แต่ที่ร้ายแรงที่าสุดและทำลายความสัมพันธ์ของคู่รักมาแล้วนับแสนนับล้านคู่ก็คือ การนอกใจ
การนอกใจก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทางอารมรณ์และจิตใจ หรือทางกาย ซึ่งการกระทำเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ ทำลายรากฐานของความไว้วางใจและความเชื่อใจที่มีให้แก่กัน ในที่นี้สามารถกล่าวรวมถึงความไม่ซื่อสัตย์ที่แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากพลั้งเผลอทำลงไปก็สามารถทำลายความไว้วางใจของคนรักได้ จากนั้นก็จะนำไปสู่การตั้งคำถามถึงการกระทำที่น่าสงสัยต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบสิ้น
2. ความไม่เข้าใจระหว่างคนสองคน
สาเหตุที่ทำลายความสัมพันธ์มานับครั้งไม่ถ้วน “ความไม่เข้าใจ” มักเกิดขึ้นจากการความผิดพลาดทางการสื่อสารที่ก่อให้ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน หรือการตีความคำพูดหรือการกระทำของอีกฝ่ายผิดพลาดไป และด้วยความที่การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ เมื่อใดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเลยที่จะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความเข้าใจแบบผิด ๆ และปัญหาต่าง ๆ ก็จะเริ่มก่อตัวขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคู่รักไม่สามารถหาทางปรับความเข้าใจกันได้ รอยร้าวในความสัมพันธ์ก็จะใหญ่ขึ้น ๆ จนเปลี่ยนจากความขัดแย้งระหว่างคู่รักให้กลายเป็นสงครามที่ไม่จบสิ้น
3. ทัศนคติที่ไม่ตรงกัน
นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รักไปต่อไปไม่ได้จริง ๆ สำหรับ “ทัศนคติที่ไม่ตรงกัน” เริ่มแรกรักอาจหวานชื่น คิดอะไรหรือพูดอะไรก็เห็นตรงกันไปหมดเสียทุกอย่าง แต่เมื่อนานวันเข้าสิ่งที่เคยดีก็อาจกลับกลายเป็นอีกแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคู่ที่คบกันมานาน หรือคู่รักที่มักจะพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างกัน ก็อาจเป็นไปได้ว่าทัศนคติต่อบางสิ่งอาจไม่ตรงกันและจะยิ่งฉายชัดขึ้นเมื่อความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันมาก
นอกจากนั้นปัญหาเกี่ยวกับทัศนคติในเรื่องความรักที่แตกต่างกันก็ถือเป็นสาเหตุใหญ่ ความปรารถนาและมุมมองความรักที่ไม่เหมือนกันจะนำไปสู่การมองความสัมพันธ์และอนาคตแตกต่างกันด้วย และหากมีความคิดว่าปล่อยให้ปัญหาทัศนคติไม่ตรงกันเป็นเช่นนั้นต่อไปดีกว่าปะทะอารมณ์กัน อาจกลายเป็นชนวนที่นำไปสู่ความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องและท้ายที่สุดก็คือ การตัดสินใจแยกทางกัน
4. ความห่างเหิน
“ความห่างเหิน” หรือความใกล้ชิดที่หายไป โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญหาที่เกิดจากความห่างเหินทางกายและอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งทั้งสองเป็นส่วนประกอบสำคัญในความสัมพันธ์ เมื่อคู่รักเริ่มละเลยที่จะเต็มเติมความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ความหวานชื่นก็เริ่มจางหาย จนทำให้เกิดความรู้สึกเหงา และหากปัญหาความใกล้ชิดไม่ได้รับการหาทางแก้ไข ระยะห่างก็จะเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายก็ยากที่จะกลับมาต่อให้ติดเช่นเดิม
5. แรงกดดันจากปัจจัยรอบตัว
ปัญหา “แรงกดดันจากปัจจัยรอบตัว” ถือเป็นชนวนของปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อาทิเช่น ความเครียดจากปัญหาทางการเงิน และแรงกดดันจากคนในครอบครัว ซึ่งปัจจัยรอบตัวเหล่านี้สามารถสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อคนสองคนและต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา
นอกจากนั้นความพลิกผันในชีวิตที่ไม่คาดฝันก็เป็นปัจจัยสำคัญด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตกงาน ความเจ็บป่วย หรือการดูแลพ่อแม่สูงอายุที่อาจสร้างความเครียด และหากไม่มีกลไกการรับมือต่อความตึงเครียดที่ดีพอก็อาจนำไปสู่การแตกหักได้
6. ความผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้
“ความผิดพลาดที่ไม่สามารถให้อภัยได้” เมื่อพูดถึงสิ่งนี้หลาย ๆ คนอาจจะมีบรรทัดฐานของความผิดพลาดที่แตกต่างกัน บ้างอาจมองว่าสิ่งนี้ร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย บ้างอาจมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรเก็บมาใส่ใจ แต่สำหรับความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่คู่รักหลาย ๆ คู่ไม่สามารถมองข้ามและให้อภัยได้ก็คือ กาเสพยาเสพติด การกระทำผิดทางอาญา และ การขู่เข็ญล่วงละเมิด เพราะพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นความผิดที่บ่อนทำลายความสัมพันธ์ และอาจนำไปสู่การกระทำไม่ซื่อตรงหลาย ๆ พฤติกรรม
อย่างไรก็ดี การเลิกรามักไม่เกิดจากปัจจัยเดียวหรือเพียงปัญหาเดียว บรรดาเหตุผลเหล่านี้มักจะเกี่ยวพันกันจนทำให้เกิดปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าที่คู่รักจะรับมือได้ ซึ่งการตระหนักถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้สามารถช่วยให้คนสองคนระมัดระวังในการกระทำของตนเองมากขึ้น และสามารถหาทางรับมือกับปัญหาร่วมกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ความรักวันวาเลนไทน์ ในมุมมองศาสนาพุทธ รักแบบไหนถึงจะดี
- เปิดประวัติ “วันวาเลนไทน์” 2567 ย้อนตำนานความรัก การเสียสละครั้งยิ่งใหญ่