ทนายเดชา ฟาดข้อกฏหมายโต้ คดีเพื่อนบ้านเปิดร้านไก่ทอด แถมเหิมเกริมฟ้องครอบครองปรปักษ์ เหตุเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 2554 งานนี้ฟาดข้อมูลกูเกิลเอิร์ธก่อนฝากถึงคู่กรณีนึกถึงบาปบุญคุณโทษบ้าง
รายการโหนกระแสวันนี้ จู่ ๆ กลายเป็นเอพพิโสด (Episode) ที่ 2 ไม่รู้ตัว กรณีปัญหาเพื่อนบ้านอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ส่งเอกสารขู่ฟ้องเอาผิดตามกฎหมายกับเจ้าของบ้านเจ้าของโฉนดตัวจริง โดยวันนี้ได้มีการเชิญ อาย หลานสะใภ้เจ้าของบ้าน มาให้ข้อมูล
เริ่มมา คุณอาย เท้าความหลังจากเคยนำเรื่องมาออกในโหนกระแสก่อนหน้านี้แล้วรอบหนึ่ง เมื่อเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา โดยตอนนั้นคู่กรณียอมรับในเทปแรกที่ออกอากาศว่า “ยินดีจะย้ายออกจากบ้านต้นเหตุ” ซึ่งเป็นบ้านที่อากู๋ ซื้อไว้ให้เป็นมรดกเมื่อปี 2534 หรือกว่า 32 ปี แต่ไม่ได้เข้าไปอยู่อาศัย กระทั่งปี 2566 มีการยกบ้านเป็นของขวัญแต่งงานให้กับหลาน
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวไม่ได้จบตามที่มาเคลียร์กันในรายการของหนุ่ม กรรชัย เพราะจากนั้นคู่กรณีบอกว่าจะไปหาตำรวจเพื่อรับสารภาพหลังจากมาออกรายการ ซึ่งข้อเท็จจริงคือไม่ได้มีการไปหาเจ้าหน้าที่ตร. ตามที่กล่าวอ้าง จนตำรวจต้องออกหมายเรียก
ต่อมามีการนัดหมายเพื่อเจรจา แต่ก่อนวันนัด เมื่อ 17 ก.ย.66 ทางคุณอายกับบิดาได้เข้าไปใช้โซ่คล้องพร้อมกับล็อกกุญแจ ทางเข้า-ออก อย่างแน่นหนา มีการไปประเมินราคาบ้านแล้วด้วย
ต่อมา 19 ก.ย.66 คู่กรณีจะขอมาเจรจาไกล่เกลี่ยที่ สน.โคกคราม แต่สุดท้ายไม่สามารถตกลงราคาซื้อขายกันได้ที่มีการตั้งราคาไว้ที่ 2.5 ล้านบาท ตามราคาประเมินและการคิดค่าเสียหายต่าง ๆ
แถมปีถัดมา คือ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 คู่กรณีกลับมีการ “ฟ้องแย้ง” เกิดขึ้น กระทั่งคุณอายบอกว่า เธอกลับไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ ก็พบว่า โซ่และกุญแจที่นำมาล็อกถูกรื้อทิ้งหมด คู่กรณีมาติดป้ายขายไก่ตะเกียบทอดน้ำปลาหน้าบ้านและยังมีป้ายว่าเข้าครอบครองปรปักษ์ถูกต้อง หากใครเข้าไปถือว่าบุกรุก ทั้งที่ศาลยังไม่ตัดสิน โดยมีการฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566 ฟ้องโดยนางศรีพรรณ คาดว่าเป็นแม่บ้าน ซึ่งเป็นคนละคนกับคู่กรณีที่เคยออกมารายการโหนกระแสในเทปแรกที่ ชื่อคุณนุ
ประเด็นทั้งหมด คู่กรณีอ้างข้อกฏหมาย ครอบครองปรปักษ์ เหตุเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 54
หลังจากมีการไล่เรียงที่มาที่ไปจนนำมาซึ่ง ภาค 2 ของปัญหาเพื่อนบ้านอ้างกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ซึ่งในรายการ หนุ่ม กรรชัย อธิบายว่าได้ติดต่อหาคู่กรณีแล้วทั้งในส่วนของทนายและคุณนิตยา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ต่อมาพิธีกรคนดังจึงต้องกล่าว สรุปสั้น ๆ ถึงปมปัญหาล่าสุดที่อีกฝ่ายอ้างว่า ได้เข้ามาอยู่ที่บ้านต้นเหตุ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554
ก่อนจะค่อย ๆ พัฒนา ทำที่กินข้าวและอื่น ๆ ดังนั้นหากยึดตามข้อกฎหมายครอบครองปรปักษ์ หรือ การแย่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง ซึ่งต้องครอบครองติดต่อกันนาน 10 ปี (5 ปี สำหรับสังหาริมทรัพย์) ก็ถือว่าเข้าข่ายที่จะฟ้องร้องกลับ หรือ ฟ้องแย้งได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่คู่กรณีหรือเจ้าของบ้านตัวปลอม มีการอ้างว่า อยู่มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 นั้น ข้อมูลดังกล่าวถูกแย้งโดย ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งทางผู้เสียหายได้ให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องคดีความ ก็ระบุชัดเจนคดีนี้อยู่เฉย ๆ ก็ชนะ เพราะว่าหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ สามารถยืนยันได้ว่า คู่กรณีไม่ได้เข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 54
ส่วนที่อ้างว่าเข้ามาพัฒนาจริง ๆ ก็เป็นปี 60 ซึ่งหลักฐานที่มีส่วนหนึ่งเป็นหลักฐานจากแผนที่ภาพในกูเกิล (Google Map) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และศาลค่อนข้างให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานแบบนี้
ส่วนกรณีที่ติดป้ายขายอาหารหน้าบ้าน นายเดชา ก็กล่าวว่า ได้ไปแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้วกับตำรวจ สน.โคกคราม ถ้าเรื่องยังเงียบก็อาจจะทำเรื่องฟ้องร้องเองเลย ส่วนที่ว่าได้กรรมสิทธิ์มาแล้ว นักฏหมายที่มักจับคดีสำคัญ ๆ ก็กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ก็หน้าด้านไง” เมื่อให้กล่าวว่า มีอะไรอยากฝากไปบอกคู่กรณี เจ้าตัวก็กล่าวตอบว่า ถ้าดูอยู่ ก็ให้นึกถึงบาปบุญคุณโทษบ้าง คุยกับอากู๋แล้วดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะถ้าปล่อยไปหมู่บ้านอื่นอาจจะเจอแบบนี้ก็ได้ ใครจะไปทราบ.
