‘ปารมี’ สส.ก้าวไกล ลั่นรับไม่ได้ ‘รมว.ศึกษาธิการ’ เข้าหารือกับเกาหลีเหนือ
ปารมี ไวจงเจริญ สส.ก้าวไกล ลั่นรับไม่ได้ ศึกษาธิการ เข้าหารือกับตัวแทนเกาหลีเหนือ ชี้ไม่ได้มีวินัย แต่ถูกล้างสมอง ถามทำไมไม่ไปเจอชาติอื่น
ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ แลกเปลี่ยนความรู้วัฒนธรรมและการศึกษากับ เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ และมีการชื่นชมว่าเป็นประเทศที่ประชาชนมีระเบียบวินัยและถ้ามีโอกาสอยากไปหารือแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษานั้น
ปารมี กล่าวว่า ตนแปลกใจที่ท่านเลือกหารือกับประเทศนี้ ก็ทราบอยู่แล้วว่าระบบการศึกษา หรือวิธีคิดของเกาหลีเหนือ ไม่เป็นไปตามหลักสากลตะวันตก และที่ท่านให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อเอาต้นแบบ ความมีวินัยของนักเรียนเกาหลีเหนือ มาใช้กับนักเรียนไทยนั้น ตนคิดว่าวินัยของท่านและวินัยของตนนั้น คงเป็นคนละประเภท ตนอยากบอกว่า ในประเทศสากลโลกตะวันตก นักเรียนเขามีวินัยกันมาก ทำไมจึงไม่ไปดูประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตย หรือประเทศเสรีนิยมอื่นๆ
สิ่งที่นักเรียนเกาหลีเหนือเขามี ไม่ได้เรียกว่าวินัย แต่เหมือนกฎที่ถูกล้างสมองมากกว่า ย้ำว่าตนแปลกใจที่ท่านไปพบ และนโยบายของพรรคก้าวไกล ส่งเสริมให้นักเรียนมีกฎระเบียบและวินัยในชีวิต แต่ต้องเป็นวินัยบนหลักการประชาธิปไตย เป็นวินัยที่อยู่บนพื้นฐานการเคารพสิทธิกันและกัน นักเรียนต้องเคารพสิทธิของครู และครูต้องเคารพสิทธินักเรียน ล่าสุด พรรคก้าวไกล ได้พูดคุยหารือกับเกาหลีใต้ เพื่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ท่านก็ไปพูดคุยกับฝั่งเกาหลีเหนือ ซึ่งดูขัดๆ กัน
“ดิฉันอยากฝากว่า หลายคนยังคงเข้าใจผิด มักจะบอกว่านักเรียนในประเทศเสรีนิยมตะวันตก ไม่มีหัว ไม่มีหาง ไม่มีระเบียบวินัย เพราะในระบอบประชาธิปไตยเอง คือการมีวินัยในตัวเอง และเคารพกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญมาก หลักการหนึ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตยคือ หลักนิติธรรม ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย จริงๆ กฎตามโรงเรียนก็เป็นกฎหมายประเภทหนึ่ง ดิฉันกล้ายืนยันว่า นักเรียนในประเทศเสรีนิยมประชาธิปไตย เขาเคารพกฎหมายและมีวินัยในตัวเองแน่นอน และอีกสิ่งสำคัญ คือการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน”
เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน หารือกับทูตเกาหลีเหนือ สะท้อนถึงอะไรได้บ้าง สส.ก้าวไกล กล่าวว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูนได้อย่างหนึ่ง ในช่วงแรกๆ ตั้งแต่พล.ต.อ.เพิ่มพูน ดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ที่กล่าวถึงนโยบายให้ครูล้างจานแทนการใส่ซอง และถึงขนาดว่าท่านก็ไปสืบสานไมตรี สนิทกับเกาหลีเหนือ เป็นการสะท้อนภาพลักษณ์และแนวคิดว่ามีแนวคิดอำนาจนิยม
นโยบายของพรรคก้าวไกลหรือนโยบายของนักเรียนและผู้ปกครองเอง ต่างส่งเสริมรณรงค์ไม่ให้มีอำนาจนิยมภายในโรงเรียน อย่างเรื่องครูต้องไม่ใช้อำนาจนิยมกับนักเรียน หลายครั้งที่คนบางกลุ่มมองว่า เอาแต่พูดถึงแต่สิทธิของนักเรียน แต่ไม่พูดถึงสิทธิครู ตนยืนยันว่า ทั้งครูและนักเรียนต้องเคารพซึ่งกันและกัน เราถึงจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งต้องเป็นกระทรวงยุคใหม่ได้แล้ว คิดใหม่ ทำใหม่ ขณะที่มีการรณรงค์ ไม่ให้ใช้อำนาจนิยมในโรงเรียน กลับไปพูดคุยกับประเทศที่เรารู้กันอยู่ว่า ประชาชนคิดต่างจากรัฐไม่ได้ เป็นประเทศที่อำนาจนิยมสูงมาก แต่กลับจะไปเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี และจะนำไปเป็นต้นแบบอีก ตนรับไม่ได้