แฉแชต ตำรวจข่มขืนสาว เคยทักไปจีบเด็กคราวลูก ทั้งที่เป็นครูสอนป้องกันล่วงละเมิด
เพจสายไหมต้องรอดงัดหลักฐานเด็ด เปิดแชทลับของตำรวจ สภ.ป่าติ้ว ข่มขืนสาวม.5 ที่แท้มีดีกรีเป็นครูสอนป้องกันตัวจากการถูกคุกคามทางเพศ แต่สุดท้ายกลับทำเอง เคยทักไปจีบสาวคราวลูก ซ้ำตัดพ้อ เด็กคงไม่ชอบคนแก่
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุสลด ตำรวจยศ ร.ต.อ วัย 50 ปี จาก สภ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร กระทำการข่มขืนนักเรียน ม.5 เหตุเพราะนักเรียนไม่มีใบขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อค และไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ จนสุดท้ายสร้างบาดแผลทางใจแก่เหยื่ออย่างรุนแรงจนคิดจบชีวิต
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ทางเพจเฟซบุ๊ก Survive – สายไหมต้องรอด ได้โพสต์ข้อความรายงานสถานการณ์ล่าสุดถึงกรณีข่าวสลดที่เกิดขึ้นนี้ โดยระบุว่า หลังจากเกิดเหตุได้มีการลงพื้นที่เพื่อสอบถามคุณแม่ของผู้เสียหาย ทางคุณแม่ก็ขอให้พี่ที่นับถือช่วยนำไปบอกตำรวจนายผู้ใหญ่ของจังหวัด แต่กลับไม่ได้รับความคืบหน้า คุณแม่จึงตัดสินใจร้องมายังเพจ เพื่อขอความช่วยเหลือ
จากนั้นจึงได้ประสานเรื่องไปยังรอง ผบ.ตร. ซึ่งก็ได้รับการยืนยันกลับมาว่าจะดำเนินคดีเอาผิดให้ถึงที่สุด พร้อมระบุถึงข้อมูลของผู้กระทำเพิ่มเติมว่า ตำรวจนายนี้เป็นคุณครูที่คอยเข้าไปสอนนักเรียนตามโรงเรียนเกี่ยวกับการป้องกันตัวจากการถูกคุกคามทางเพศ และเรื่องอื่น ๆ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นอกจากนั้นยังได้รับรายงานถึงพฤติกรรมเชิงชู้สาวที่เคยกระทำกับเด็กหญิงรายอื่น ๆ ในเชิงคุยแชทจีบ ทิ้งท้ายเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบผู้เสียหายเพิ่มเติม
“#สภป่าติ้ว #จังหวัดยโสธร หลังจาก พี่เอก ได้มอบหมายให้ “พี่ยะ สจ.ปิยะ วงศ์คำเหลา” ทีมงานสายไหมต้องรอด ลงพื้นที่อำเภอป่าติ้ว จ.ยโสธร ตรวจสอบกรณีคุณแม่นักเรียนชั้น ม.5 ร้องขอความเป็นธรรมผ่าน #เพจสายไหมต้องรอด หลังจากลูกสาวถูกนายตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอก (ผู้กอง) ข่มขืนกระทำชำเรา
เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 29 ม.ค.67 ขณะลูกสาว 2 คน (ม.5 และ ม.3) กำลังขับขี่รถ จยย.ไปโรงเรียน ได้ถูก นายตำรวจคนดังกล่าวเรียกตรวจและแจ้งว่าน้องไม่สวมหมวกกันน็อคและไม่มีใบขับขี่ จึงเรียกเงิน 2,000 บาท น้องไม่มีเงิน นายตำรวจคนดังกล่าว จึงบอกให้น้อง ม.3 รอที่รถ และเรียกให้ น้อง ม.5 เดินเข้าไปในห้องข้าง ๆ โรงพัก
จากนั้นได้บอกกับน้อง ม.5 ว่า หากไม่มี 2,000 มาให้ก็ต้องมีอย่างอื่นมาแลก จากนั้นได้ลงมือข่มขืนน้อง ม.5 จนสำเร็จความใคร่ หลังข่มขืนเสร็จได้บอกกับน้องว่า “พรุ่งนี้ต้องมาให้…อีกนะ” น้องกลัวมาก จึงตัดสินใจโทรเล่าให้แม่ฟัง และเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ทันทีพร้อมกับไปตรวจร่างกาย
#หลังทราบเรื่อง แม่ได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากพี่ที่นับถือให้ช่วยนำเรื่องนี้ไปบอกนายตำรวจผู้ใหญ่ของจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากพูดคุยพี่นับถือโทรศัพท์มาแจ้งว่า “ดูท่าไม่ดีเขาพูดเข้าข้างลูกน้องเขาอย่างเดียว เหมือนจะให้เจรจายอมความอย่างเดียว” คุณแม่จึงตัดสินใจร้อง #เพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ
#เบื้องต้น เมื่อเช้าที่ผ่านมาหลังจาก พี่เอก ได้พูดคุยรายละเอียดกับทางคุณแม่ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงได้ประสานไปยัง ท่านบิ๊กโจ็ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทันทีเพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน โดยท่านบิ๊กโจ็ก ได้สั่งการให้ ท่านผู้การจังหวัดยโสธร ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนหากพบว่ามีมูลความผิดให้เสนอออกจากราชการทันที!
จากนั้น ท่าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ได้ประสานมาที่ พี่เอก แจ้งว่า ท่าน ผบ.ตร. ทราบเรื่องนี้แล้ว ล่าสุดตำรวจที่ก่อเหตุได้รับสารภาพกับท่านผู้การว่า “กระทำจริง” จึงได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และขอให้ พี่เอก แจ้งทางครอบครัวว่าไม่ต้องกังวล ท่าน ผบ.ตร.สั่งให้ดำเนินคดีในทุกข้อหาโดยไม่มีละเว้นและไม่มีการช่วยเหลือตำรวจที่กระทำผิดอย่างแน่นอน
#ล่าสุดดดดด มีเด็กนักเรียนรายอื่นๆให้ข้อมูลกับทีมงานว่า นายตำรวจรายนี้ทำหน้าที่เป็น “ครูแดร์” คอยเข้าไปสอนเรื่องการป้องกันตัวจากการถูกคุกคามทางเพศ และเรื่องอื่น ๆ ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าไปสอนตามโรงเรียนต่าง ๆ จนเด็กหลายคนรู้จักโดยเด็กนักเรียนจะเรียกว่า “ครู” เด็กบางคนให้ข้อมูลว่าเพื่อนนักเรียนเคยถูกนายตำรวจรายนี้พูดคุยในลักษณะชู้สาวด้วย…
เรื่องนี้ “พี่เอก” เตรียมลงพื้นที่ขยายผลหากพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกกระทำในลักษณะดังกล่าวจริงก็จะพาเข้าแจ้งความเอาผิด เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนต้องตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป
ทั้งนี้หากน้อง ๆ นักเรียนคนไหนเคยถูกนายตำรวจคนนี้ล่วงละเมิด ขอให้ติดต่อมาที่ #เพจสายไหมต้องรอด ได้ทันที”
อย่างไรก็ดี หลังจากที่ทีมงาน Thaiger ได้อ่านแชทลับระหว่างตำรวจนายนี้กับเด็กหญิงคนอื่น ๆ ตามที่เพจเฟซบุ๊ก Survive – สายไหมต้องรอด นำมาโพสต์ลง ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางตำรวจได้คุยกับเด็กสาวในเชิงชู้สาวจริง ซ้ำยังมีการตัดพ้อว่า “ถ้าเกิดบอกว่าชอบจะคิดยังไง แต่ก็อย่างว่า อายุห่างกันเกินไป มันคงเป็นไปไม่ได้ เด็กคงไม่ชอบคนแก่” พร้อมกับกำชับเด็กคนดังกล่าวด้วยว่าไม่ให้นำไปพูดกับคนอื่น เพราะเป็นเรื่องไม่ดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง