การเงินเศรษฐกิจ

บิทคอยน์ ETF อนุมัติแล้ว คาด ปีนี้ทำเงินสูงสุดถึง 100,000 ล้าน

บิทคอยน์ อีทีเอฟ อนุมัติแล้ว พร้อมให้ซื้อขายทันที 11 รายการ กระตุ้นการลงทุนเหรียญคริปโต ก.ล.ต. สหรัฐ ย้ำว่าไม่ใช่การรับรอง Bitcoin แต่เพิ่มมาตรฐานการลงทุนให้ ปลอดภัยยิ่งขึ้น

​คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐอเมริกา หรือ เอสอีซี (SEC) ประกาศ อนุมัติให้กองทุน Spot Bitcoin ETF (บิทคอยน์ อีทีเอฟ) ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ถูกกฎหมาย ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยสามารถทำการซื้อ-ขายได้ทันที 11 กองทุน หลังจากเสนอต่อ ก.ล.ต. มานานถึง 11 ปี นับตั้งแต่ที่ Tyler และ Cameron Winklevoss ยื่นขออนุญาต ก.ล.ต.จัดตั้งกองทุนในปี 2013 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กองทุน Spot Bitcoin ETF ที่ได้รับการอนุมัติถูกกฎหมายแล้วจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ประกอบด้วยกองทุน ARK 21Shares, Invesco Galaxy, VanEck, WisdomTree, Fidelity, Valkyrie, BlackRock, Grayscale, Bitwise, Hashdex and Franklin Templeton

ทางด้านของประธานคณะกรรมการ ก.ล.ต. “แกรี่ เกนสเลอร์” (Gary Gensler) แถลงการณ์ว่า การอนุมัติในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นการรับรอง บิตคอยน์ และเตือนนักลงทุนบิทคอยน์ให้ระมัดระวังความเสี่ยงทุกครั้งในการลงทุน สกุลเงินดิจิทัลหรือเหรียญคริปโตเคอเรนซี่

อนุมัติ บิทคอยน์ ETF 2024 2567

นอกจากนี้ การอนุมัติ บิทคอยน์ อีทีเอฟ จะเพิ่มแนวโน้มโอกาสให้กับนักเทรดเหรียญรายเล็กกับนักลุงทุ่นคนอื่น ๆ ให้สามารถกระจายพอร์ตการลงทุนมายัง เหรียญคริปโตฯ โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการเหรียญที่เคยมีความสับซ้อนเหมือนเช่นในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์และวิเคราะห์จาก แคมป์เบลล์ ฮาร์วีย์ (Campbell Harvey) ศาสตราจารย์ด้านการเงินของ Duke University เท่านั้น

สำหรับกองทุน Spot Bitcoin ETF ที่ได้รับการอนุมัติแล้ว ทำให้หลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่า อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในโลกการลงทุน Bitcoin นับจากนี้ เพราะนักลงทุนต่างสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับการลงทุนใน บิตคอยน์ โดยไม่ต้องถือครองโดยตรง แต่จะซื้อผ่านกองทุนนี้

คาดว่ามีลักษณะคล้ายกับการลงทุนใน กองทุน ทั่วไป ที่มีโบรกเกอร์เป็นตัวกลางในการกระจายการลงทุนให้ เพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากตลาดที่ผันแปรต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามสื่ออย่าง Standard Chartered ได้สรุปผลวิเคราะห์ ในการลงทุน Spot Bitcoin ETF เอาไว้ว่า ในอนาคตอาจเรียกเม็ดเงินให้เข้ามาในตลาดเหรียญคริปโตได้มากสูงสุด 50,000-100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในหนึ่งปี

ทั้งหมดนี้ อาจส่งผลลูกโซ่ให้ราคาเหรียญบิทคอยน์ พุ่งขึ้นไปที่ 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,497,750.00 บาท อีกด้วย

หมายเหตุ : ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund เป็นกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีนโยบายสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนใช้อ้างอิง ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย ETF ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่ง (อ้างอิงจาก SET Exchange of Thailand)

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : www.sec.gov, Bloomberg

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button