ตรี ชัยณรงค์ ให้สัมภาษณ์ หลังตัดพ้อปัญหาครอบครัว เป็นเสาหลัก ต้องหาเงินคนเดียว เผย แค่ระบายเท่านั้น ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง เรื่องได้มาลัยเยอะแต่ไม่ดัง ยอมรับว่าเคยน้อยใจ
หลังจากที่นักร้องลูกทุ่งหนุ่มชื่อดัง ตรี ชัยณรงค์ โยธา โพสต์ระบายความในใจ ตัดพ้อชีวิตเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวที่ยังติดค้างอยู่ และตนต้องแบกรับเพียงลำพัง ระบุว่า “กูคนเดียวรับจบทุกเรื่อง เลย ได้ เดี๋ยวจบให้ จบที่ผมเลย เดี๋ยวผมจบให้เอง”
เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ มีทั้งชาวเน็ตที่เข้ามาให้กำลังใจ และชาวเน็ตที่มองว่า ตรีไม่ควรพูดเรื่องปัญหาส่วนตัวออกสื่อ กระทั่งตรีต้องมาอธิบายเพิ่มเติมใต้โพสต์ว่า ตนโพสต์เพียงต้องการระบายเท่านั้น ปัญหาคนเราไม่เหมือนกัน และขอโทษที่โพสต์ในโซเชียล
ล่าสุด ตรีได้ร่วมงานคอนเสิร์ต “ปาร์ตี้พาสุขสันต์ มหัศจรรย์วันดีดี” ของ FM95 ลูกทุ่งมหานคร ที่ บมจ. อสมท และได้เปิดใจถึงประเด็นดราม่าที่เกิดจากปัญหาครอบครัว ทั้งยังเปิดอกเล่าความรู้สึกภายในใจ เนื่องจากตนได้มาลัยเยอะ แต่กระแสตอบรับเรื่องผลงานเพลงกลับไม่เป็นไปตามที่หวังไว้
ตรีเปิดเผย ตอนนี้ตนเป็นเสาหลักครอบครัว พูดภาษาปากคือ อุจจาระไม่ออก ฉี่ไม่ออกก็เรานี่เเหละ เพราะทุกอย่างตอนนี้ทับถมอยู่ที่ตนทั้งหมด ก่อนหน้านี้เพิ่งจัดงานฌาปนกิจแม่ไป เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะ หลัก ๆ คือตนหาเงินอยู่คนเดียว รู้สึกเหนื่อย เพราะมีหลายเรื่องในหัว รวมถึงเรื่องหลังบ้านที่ไม่สามารถพูดได้ พอแบกไว้เยอะก็เลยโพสต์แบบนั้นออกไป แล้วจะเคลียร์ให้จบเอง
ตรีบอกด้วยว่า หากไม่สุดจริง ๆ ตนจะไม่พูดออกมา เพราะเรื่องโพสต์เฟซบุ๊กโดนผู้ใหญ่ติงมาหลายครั้งแล้ว เรื่องดราม่าแฟนคลับเป็นห่วง ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย แต่ตอนนี้แฟนคลับเริ่มเข้าใจแล้ว ถ้าไม่สุดจริง ๆ จะไม่โพสต์เลย เพราะถ้าไม่ระบายออกมามันจะระเบิดแรงมาก ๆ พอโพสต์จบก็ไม่มีอะไรต่อแล้ว
ปัญหาบางอย่างมันเป็นเรื่องอ่อนไหวกับความรู้สึกเราด้วย ไม่สามารถเคลียร์ได้ทันที บางอย่างไม่ควรเป็นปัญหาเลยแต่มันก็เกิดขึ้นมา แล้วทำไมเราต้องเป็นคนแก้ปัญหาตลอด
ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าชาติที่แล้วเราให้เขาเลี้ยงเยอะ ชาตินี้เลยต้องดูแล ทั้งครอบครัว ญาติพี่น้อง ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะต้นทุนเราไม่เท่ากัน ส่วนเรื่องรายละเอียดไม่สามารถเจาะลึกได้ ฝากขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นห่วง จากนี้ไปจะพยายามเข้มแข็งมากกว่านี้ และไม่ทำให้ทุกคนตกใจ เพราะเรื่องที่หนักใจคงสิ้นสุดวันที่เราหมดลมหายใจ
เรื่องการระบายผ่านโซเชียล ถามว่ามีผลต่องานหรือไม่ ตอบเลยว่ามีถ้ารุนแรงจนเกินไป แต่ตนมีที่ปรึกษาที่ดี มีทีมงานที่ปรึกษาทางบริษัท ทางค่าย ผู้ใหญ่ก็คอยดูเเลอยู่ตลอดเวลาอย่างเช่นพี่ตุ้ย ถ้ารุนเเรงเกินไปพี่ตุ้ยก็จะห้ามตนเอง ทางค่ายเขารู้ว่านิสัยตนเป็นอย่างไร ถ้าไม่รุนแรงเกินไปก็ไม่ว่าอะไร
แฟนคลับหรือชาวเน็ตบางคนอาจจะมองว่า เรื่องภายในครอบครัวทำไมต้องออกมาโพสต์ ตนมองว่าเฟซบุ๊กคือพื้นที่ส่วนตัว ถึงจะเปิดเป็นสาธารณะก็ตาม มันต้องมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจอยู่แล้ว แต่ตนมองว่าในเฟซบุ๊กมีเพื่อนสนิทที่เข้าใจ คอยปกป้อง และทุกคนทราบดีว่าชีวิตของตรีผ่านอะไรมาบ้าง
นอกจากนี้ ตรียังมองว่า เฟซบุ๊กเหมือนสมุดเล่นหนึ่งที่เราอยากเขียนอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ตนอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ เผื่อว่าครั้งหน้าเผชิญกับปัญหาอีก เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
เรื่องหาแฟนเพื่อช่วยแบ่งเบา ตอนนี้ค่อนข้างยาก เพราะตนโลกส่วนตัวสูง กลัวไม่มีเวลาให้เขา จริง ๆ ก็อยากมีแฟน แต่ก็อยากเก็บพื้นที่ไว้ให้น้องสาวของตนก็พอ
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่ก่อนหน้านี้มีชาวเน็ตคอมเมนต์ว่า ได้เเต่พวงมาลัยเยอะ แต่เพลงไม่ดัง ตรีตอบว่า เรื่องความดังตนไม่ได้โหยหาอะไรขนาดนั้น ตอนนี้อยู่ตัวพอสมควรแล้ว เพราะความฝันสำเร็จตั้งแต่ได้ใช้นามสกุลแกรมมี่ โกลด์ ได้มีซิงเกิลเป็นของตัวเองที่เขียนจากปลายปากกาของครูสลา คุณวุฒิ แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับเด็กที่ตามหาฝัน
อย่างที่เคยพูดไปในรายการว่า นามสกุลนี้เท่ดี เพราะฉะนั้นจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต จะเป็นเรื่องกำลังใจ ไม่ว่าจะรางวัลน้ำใจ หรือของขวัญต่าง ๆ ในช่วงวันเกิดหรืออะไรก็เเล้วแต่ที่เเฟนคลับมอบให้ หรือแม้กระทั่งผลงานที่ผู้ใหญ่ทำให้ จะดังหรือไม่ดัง ทะลุ 100ล้านวิวหรือไม่ ตนมองว่า อันนั้นคือของขวัญเเละรางวัลชีวิตของตนทั้งหมด
ถ้าเพลงดังก็คือของขวัญสำหรับตนอีกหนึ่งอย่าง เเต่ถ้ามันไม่มี ตนจะทำหน้าที่ในการเป็นน้องที่ดี ลูกชายที่ดีของบ้านแกรมมี่โกลด์ เป็นพี่ ๆ ที่ดีของแฟนคลับ เป็นลูกที่ดีของแม่ ๆ แบบนี้ต่อไป
ยอมรับว่าเมื่อก่อนน้อยใจ ไม่ได้นอยด์ตัวเอง แต่คิดมากเรื่องหน้างานมากกว่า มีช่วงนึงพูดกับทีมงานเลยว่า ถ้าเป็นงานปิดวิค หรืองานในที่เเจ้ง ตนจะไม่รับ เพราะว่าพลังของเราไม่พอ อีกเรื่องนี้ที่ซีเรียสคือเราเกรงใจคนจ้างด้วย เพราะบางทีภาพมันออกไปว่ามากันไม่กี่คนเอง เหรียญมันมี 2 ด้าน ตนไม่อยากมีภาพอะไรแบบนี้ พอได้มาปรึกษากับน้อง ๆ อีกที ทำให้รู้ว่า บางทีเจ้าภาพก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น เขาจ้างเพราะอยากตรีให้มาจริง ๆ
บางทีน้อง ๆ ที่รู้จักกันก็ให้กำลังใจว่า พี่ลองคิดกลับไปว่า มันเคยมีงานแบบนี้ เจ้าภาพเคยเดินมาโอบแขนเรา หรือแม้กระทั่งจ้างเราเอาไปงานที่ขายบัตรขายโต๊ะ ร้านเหล้า ร้านอาหารกลางคืน แขกน้อย ตนก็เดินไปขอโทษเขา เขาบอกกลับมาว่า เจ้าภาพไม่ได้ซีเรียส จ้างมาเพราะอยากดูตรี
จากนั้นตนเลยเปลี่ยนความคิดไปเหมือนกัน คิดว่าทำไมเราไม่คิดแบบนี้ แต่มันเป็นช่วงแรก ๆ ที่เราซีเรียส กลัวว่าเจ้าภาพจะผิดหวัง กลัวว่าจะไม่คุ้มค่าจ้างเรา กลัวว่าเจ้าภาพจะขาดทุนอะไร
ส่วนตัวไม่ได้เสียเซลฟ์ขนาดนั้น บางทีมันมีหลายปัจจัย ด้วยวันธรรมดา สถานที่การจัดงาน วิธีการโปรโมตก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน อย่างงานไปเฝ้าไร่ ตอนนั้นก็เครียดเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นน้องไปเล่น น้องก็ส่งข่าวมาว่า งานเฝ้าไร่คนรู้เรื่องอาจจะน้อย เพราะงานนั้นมันเป็นวีค
ตนเลยหันไปหาผู้จัดการว่า ไม่รับงานเเบบนี้ แต่ผู้จัดการก็ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร ผู้จัดงานไม่ซีเรียสอะไรขนาดนั้น เเต่พอไปวันนั้นกลับคนเยอะ หลาย ๆ อย่างมันอยู่ที่ปัจจัยการจัดงานด้วย ถ้าสถานที่จัดงานอยู่หลืบมากเกินไป กฎระเบียบข้อห้ามมากเกินไป บางทีก็มีส่วนที่ทำให้คนน้อย แต่ก่อนตนก็โทษแต่ตัวเอง
ถ้าถามว่าเคยเฟลไหม ก็มีบ้าง แต่มันเป็นหน้าที่ ตอนนี้จัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว ทุกครั้งที่จับไมค์เหมือนหน้าที่ ต่อให้มีผู้ชมแค่ 10 หรือมีไม่กี่คนที่หน้าเวที แต่บางคนเขาตั้งใจมาดูเรา คำสอนนี้ไม่แน่ใจว่าได้มาจากแม่ผึ้งหรือเปล่า ต่อให้เราจะเหนื่อยเเค่ไหน ต่อให้เราจะไม่สบาย เเต่ข้างหน้ามันคือหน้าที่ คืองานกำลังจะเริ่ม คนเขามาหาเรา ตั้งใจมาหาเรา บางคนต้นทุนไม่ได้เท่าเรา เขาก็เก็บเงินซื้อบัตร ซื้อตั๋วโดยสารมาหาเรา เขามาดูเราแปลว่าเขารักเรามาก ๆ เพราะแบบนี้เราต้องทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ที่สุด
เปิดใจครั้งนี้เล่าแบบหมดเปลือกตั้งแต่ปัญหาที่อัดอั้นตันใจ จนถึงเรื่องราวในอดีตที่กว่าจะมาเป็นตรีที่เข้มแข็งได้อย่างทุกวันนี้ ทีมงาน Thaiger ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นะคะ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
