แม่-ลูกเขมร ปากแจ๋ว อัดคลิปด่าคนมาเลเซียขี้เกียจ ศาลตั้งข้อหาจุก ๆ
กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมประเทศมาเลเซียอย่างมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มารียา ยาคอบ นักธุรกิจหญิงชาวกัมพูชา วัย 47 ปี ที่เปิดกิจการในประเทศมาเลีย และลูกชายได้ทำคลิปวิพากษ์วิจารณ์เจ้าบ้านว่า คนมาเลเซียขี้เกียจ ผ่านติ๊กตอก
จะมีประโยชน์อะไรหากชาวกัมพูชาฉลาดในการค้าขาย จริงไหม? แล้วกัมพูชาก็ขยันกว่ามาเลย์ที่ขี้เกียจ เธอกล่าวตอนหนึ่งในวิดีโอ
ต่อมาเธอและลูกชายได้ถูกจับกุม และตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นชุมชน ในตอนแรกเธอให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาตามที่ทนายแนะนำ
ตามเอกสารข้อกล่าวหาสั่งฟ้อง ระบุว่าการโพสต์ดังกล่าวอัปโหลดเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 16 พ.ย. และวิดีโอนี้ถูกนำไปฉายที่บ้านแห่งหนึ่งในบูกิต ปิอาตู กัมปุงมูไซ มีจุดประสงค์เพื่อปลุกปั่นชาวมาเลย์
ความผิดดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรา 505 (c) ของประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อมีการตัดสินลงโทษ
เอซวน ฮัฟชาม โมฮัมหมัด ฮิสยัม ลูกชายของมารียา วัย 22 ปี สารภาพว่าไม่ได้จงใจใช้แอปพลิเคชัน TikTok เพื่อเผยแพร่ข้อความคำพูดของแม่เขา
อย่างไรก็ดี มารียาถูกตั้งข้อหาภายใต้มาตรา 232(1)(a) ของพระราชบัญญัติการสื่อสารและมัลติมีเดียปี 1998 และอาจได้รับโทษตามมาตรา 233(3) ของการกระทำเดียวกัน ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 50,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือ 3.7 ล้านบาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ทั้งสองอย่าง และจะต้องระวางโทษปรับเพิ่มเติมอีก 1,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือ 7,400 บาททุกวันในระหว่างที่กระทำความผิดต่อไปหลังจากการพิพากษาลงโทษ
อาหมัด ซาซาลี โอมาร์ ผู้อำนวยการอัยการแห่งรัฐ และมูฮัมหมัด นาซริน อาลี ราฮิม รองอัยการสูงสุด เรียกร้องให้ศาลกำหนดเงินประกันตัวละ 30,000 ริงกิต สำหรับมาริยาห์ และเอซวน พร้อมผู้ค้ำประกันชาวมาเลเซีย 2 คน
พวกเขายังเรียกร้องให้ศาลยึดหนังสือเดินทางของเธอกับลูก และขอให้ทั้งคู่หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อความใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาล
อย่างไรก็ตามทนายของจำเลยร้องขอให้ลดค่าประกันตัว อ้างว่าว่าลูกความของเขายังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีความผิด
ทนายกล่าวว่าหนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญเมื่อพิจารณาว่ามารียาเป็นนักธุรกิจหญิงที่เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ในขณะที่เอซวนกำลังศึกษาอยู่ที่ University of Reading ในสหราชอาณาจักร
สุดท้าย ทั้งคู่ก็ได้ประกันตัวไว้ที่ 15,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 1 แสนบาท และอนุญาตให้ฝ่ายโจทก์ขอยึดหนังสือเดินทางของพวกเขาได้ และให้ทั้งคู่งดเว้นจากการให้ถ้อยคำใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีของศาล