Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2018 ตอกย้ำประเทศไทยเป็น “World Class Golf Destination”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยกขบวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟ สื่อมวลชน จากทั่วโลก เดินทางมาพบปะเจราจาธุรกิจกับผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ โรงแรม และท่องเที่ยว ในงาน Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2018 ตอกย้ำประเทศไทยเป็น “World Class Golf Destination” สร้างรายได้จากนักกอล์ฟเพิ่ม 10%
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดการ “Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2018” ครั้งที่ 4 ขึ้น ระหว่างวันที่ 24 -26 ก.ค.2561 นี้ โดยมีนายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นาย ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผู้ประกอบการสนามกอล์ฟ ท่องเที่ยว และโรงแรม ตลอดจนเอเย่นทัวร์ สื่อมวลชนจากทั่วโลก เข้าร่วม เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
นายธเนศวร์ กล่าวว่า งาน “ เนื่องจากจังหวัดภูเก็ต สามารถดึงความสนใจจากเอเยนต์ทัวร์ชั้นนำทั่วโลกได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากภูเก็ตจะมีแหล่งท่องเที่ยวด้านธรรมชาติ ทะเลที่สวยงามเป็นที่รู้จักทั่วโลกแล้ว ด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาก็ยังเป็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะกีฬากอล์ฟ ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำและสร้างภาพจำใหม่ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รู้จักภูเก็ต”
นายธเนศวร์ กล่าวถึงตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเล่นกอล์ฟในประเทศไทย ว่า ใน 1 ปี มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อตั้งใจมาเล่นกอล์ฟโดยเฉพาะมีมากถึง 4 แสนคนต่อปี และหากรวมกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเล่นกอล์ฟและท่องเที่ยวทั่วไปด้วย ในแต่ละปีมีนับล้านคน และถือเป็นรายได้อันดับ 2 ของประเทศเมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวในลักษณะอื่น ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของโลกในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟ และอันดับ 1 ในเอเชีย เป็นการตอกย้ำและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะ “World Class Golf Destination”
ทั้งนี้เพราะประเทศไทยมีความพร้อมในหลายๆด้าน โดยเฉพาะสนามกอล์ฟที่มีมากกว่า 200 สนาม และการมาเล่นกอล์ฟที่เมืองไทยราคาไม่แพง อากาศดีสามารถเล่นกอล์ฟได้ตลอดทั้งปี และมีกิจกรรมที่จะสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวหลังการเล่นกอล์ฟได้อีกมากมาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหารการกิน ฯลฯ โดย 70%ของนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟจะเป็นกลุ่มในเอเชียที่เดินทางมากับบริษัททัวร์เพื่อความสะดวกสบายในการเล่นกอล์ฟและเดินทางท่องเที่ยว ที่เหลือจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปและทั่วโลก
“ในปี 2559 ที่ผ่านมา พบว่ามีนักท่องเที่ยวที่มาทำกิจกรรมกอล์ฟในประเทศไทยประมาณ 4 แสนกว่าคน สร้างรายได้ประมาณ 4.8 พันล้านบาท มีค่าใช้จ่ายวันละ 12,215 บาท/คน/วัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 2-3 เท่าตัว และทางททท.คาดว่าภายในสองปีนับจากนี้ รายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มกอล์ฟจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% และจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นกอล์ฟในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นจากความพร้อมในทุกๆด้าน”นายธเนศวร์ กล่าวในที่สุด