ศาลแพ่งพิพากษา ยกฟ้อง ‘กระทะโคเรียคิง’ ไม่ได้ละเมิดสิทธิผู้บริโภคโฆษณาเกินจริง
ศาลแพ่ง พิพากษายกฟ้องคดี กระทะโคเรียคิง ไม่ได้ละเมิดสิทธิผู้บริโภคโฆษณาเกินจริง หลังโฆษณาว่าใช้นวัตกรรมเคลือบกระทะ 8 ชั้น
นางสาวณัฐวดี เต็งพานิชกุล นักกฎหมายและทนายความ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า ศาลแพ่ง พิพากษายกฟ้องคดีโคเรียคิง โฆษณาเกินจริง โดยศาลเห็นว่า ตามการโฆษณาของบริษัทว่ากระทะมี 8 ชั้น ไม่ได้เป็นการบ่งชี้ว่ากระทะไม่มีคุณสมบัติ หรือส่วนประกอบตามที่จำเลยโฆษณา เนื่องจากจำเลยพิสูจน์ว่ากระทะมีการเคลือบกว่า 8 ชั้นจริง แต่ไม่สามารถมองเห็นการแยกชั้นเป็น 8 ชั้น ด้วยตาเปล่าได้ ศาลจึงวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ทำการละเมิดสิทธิผู้บริโภค หรือกระทำการอันเป็นการผิดสัญญา ที่ไม่ส่งมอบสินค้าให้ตรงตามโฆษณา ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย กำลังเตรียมอุทธรณ์จนถึงที่สุด
สืบเนื่องจากที่ บริษัท วิซาร์ด โซลูชั่น ได้โฆษณาอ้างสรรพคุณของกระทะโคเรียคิง ใช้นวัตกรรม 8 ชั้น ประกอบด้วย หินอ่อนเงิน , หินอ่อนทอง , พร้อมด้วย เทคโนโลยีนาโนซิลเวอร์ โค้ตติ้ง ป้องกันแบคทีเรีย พร้อมระบุว่า เมื่อนำไปปรุงอาหารทำให้อาหารไม่ติดกระทะ โดยราคากระทะใบละ 15,000 บาท แต่หากซื้อผ่านรายส่งเสริมการขายจะเหลือเพียง 3,900 บาท และซื้อ 1 ใบ แถมอีก 1 ใบ
เมื่อผู้บริโภคตัดสินใจซื้อกระทะโคเรียคิง เพราะเชื่อในสรรพคุณที่ถูกระบุในโฆษณา และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่เมื่อนำใช้จริงกลับไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง จึงเริ่มเคลื่อนไหว เรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เข้าไปตรวจสอบ จากนั้นจึงมีกระบวนการส่งไปตรวจที่ห้องแล็บ ปรากฏว่าเนื้อกระทะโคเรียคิง ทำมาจาก “อะลูมิเนียมเสริมเหล็ก” เคลือบด้วย “พอลิเมอร์” แต่ไม่พบหินอ่อนในชั้นเคลือบกระทะ แถมชั้นเคลือบไม่ได้มี 8 ชั้น เพราะรุ่น “โกลด์ซีรีส์” มีการเคลือบเพียง 5 ชั้น ส่วนรุ่น “ไดมอนด์ซีรีส์” เคลือบเพียง 2 ชั้นเท่านั้น และยังพบประเด็นการตั้งราคาขายสูงจริง คืออ้างว่าราคาจริงของกระทะอยู่ที่ใบละ 15,000 และ 18,000 บาท ซึ่งถือเป็น “การปลอมราคาจริง (Fake Original Price)” จึงมีมติสั่งระงับโฆษณาทั้งหมด
กระบวนการไม่จบแค่นั้น เพราะผู้เสียหายได้เข้ามาร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับ ตัวแทนของบริษัท วิซาร์ด โซลูชั่น แต่อีกฝ่ายไม่ประสงค์จะเจรจา แจ้งว่าการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกระชั้นชิดเกินไป ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ไม่ได้ประสานหรือแจ้งวันนัดหมายใหม่ที่สะดวกมาให้ และจะดำเนินการเยียวยากับผู้บริโภคเอง โดยให้ผู้บริโภคติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของบริษัทฯ ดังนั้น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงประกาศเป็นตัวกลางฟ้องคดีแบบกลุ่มแทนผู้บริโภคที่เสียหายจากกระทะโคเรีย คิง และเชื่อว่าจะเป็นคดีผู้บริโภคตัวอย่าง เพื่อทำให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการโฆษณาสินค้าและคุณภาพสินค้าเป็นไปตามที่โฆษณาให้ดีมากขึ้น
อีกทั้งคดีนี้ ยังมีประเด็นซ้อนขึ้นมาระหว่างทาง เมื่อ นางกัลยทรรศน์ ติ้งหวัง แกนนำผู้บริโภคจังหวัดสตูล ซึ่งเป็น 1 ใน 74 ผู้เสียหายจากการซื้อกระทะโคเรีย คิง ( Korea King ) ที่ “โฆษณาเกินจริง” ถูกบริษัท วิซาร์ด โซลูชั่น เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและเบิกความเท็จ” เพื่อหวังปิดปาก ซึ่งการต่อสู้ของผู้บริโภครายนี้ ใช้เวลายาวนานนับจากปี 2565 ในที่สุด ความเป็นธรรมได้บังเกิดขึ้นวันที่ 14 กันยายน 2566 เมื่อศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง นางกัลยทรรศน์ ด้วยเหตุผลที่ว่า “การเบิกความของจำเลยไม่ใช่ประเด็นแพ้-ชนะในคดี อีกทั้งเป็นการเบิกความตามข้อเท็จจริง จึงไม่ถือเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ” ซึ่ง สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ให้ความช่วยเหลือด้านทนายความในการต่อสู้คดี เนื่องจากเป็นกรณีการถูกฟ้องจากการใช้สิทธิในฐานะผู้บริโภค
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ ธนันณัฏฐ์ ทนายความ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า คดีผู้บริโภคยื่นฟ้อง ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่อวดอ้าง สามารถฟ้องร้องเป็นคดีกลุ่มได้ จากตัวอย่างของผู้เสียหายจากการซื้อกระทะโคเรียคิงจำนวน 74 ราย ที่ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท วิซาร์ด โซลูชั่น กระทั่งมีการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม ศาลได้มีคำสั่งให้สามารถดำเนินคดีแบบกลุ่มได้