ตำรวจเร่งไขคดี ชายถูกตัดคอ ศีรษะหาย รวบผู้ต้องสงสัยแล้ว เชื่อปมบูชายัญ
เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งไขคดีสยอง ชายถูกตัดคอ ศีรษะหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รวบตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เหตุมีพฤติกรรมแปลกและเชื่อเรื่องบูชายัญ
จากกรณีที่ พบศพ นายเสงี่ยม เป็นรัมย์ อายุ 53 ปี ในลักษณะนั่งคุกเข่า หน้าอยู่ที่หน้าบ้านกลางสวนยางพารา บริเวณลำคอถูกของมีคมฟันจนขาด ภายในหมู่บ้านบนไร่ หมู่ 1 ต.ตะเคียนทอง อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยเจ้าหน้าที่ไม่พบศีรษะของผู้ตาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะจับนายกุ้งในฐานะผู้ต้องสงสัย เพราะมีพฤติกรรมแปลกและมีความเชื่อเรื่องพิธีบูชายัญนั้น
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ก็ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยเพื่อวางแผนการออกตามหาศีรษะของ นายเสงี่ยม รวมถึงหลักฐานมัดตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยแค่ 1 ราย นั่นคือ นายกุ้ง จุดแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าไปดูวันนี้ในเวลา 11.00 น. คือบริเวณบ้านร้างในหมู่บ้านจัดสรร หลังเมื่อวานนี้ทีมข่าวและผู้ใหญ่บ้านไปพบของสำหรับทำพิธีบูชายัญ ส่วนจุดอื่นที่ค้นหาศีรษะนั้น ต้องรอการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมให้แน่ชัดก่อน เพราะฝนตกหนัก ยังไม่สามารถใช้วิธีการเดินตระเวนได้
ขณะที่ นางพันทิพย์ อ่อนพร้อม อายุ 51 ปี อดีตภรรยาของผู้ตาย เจ้าตัวบอกว่าตั้งแต่เลิกรากันไป 2-3 ปี ก็ไม่ได้สุงสิงอะไรกันเลย ต่างคนต่างอยู่ เพราะตนก็มีสามีใหม่เป็นชายสูงวัยอายุประมาณ 70 กว่าปี ส่วนผู้ตายก็เข้าไปอยู่ในบ้านที่พบศพ ซึ่งเป็นบ้านของญาติตน ดังนั้นที่ผ่านมาตลอด 2-3 ปี ตนไม่รู้เลยว่าเขาไปมีปัญหาอะไรกับใครบ้าง แต่ช่วงที่ยังเป็นสามีภรรยากัน ยืนยันว่าเขาไม่มีอริที่ไหน แม้ว่าจะชอบดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีเพียงแค่ทะเลาะกับตนที่จะทะเลาะกันบ่อย เพราะตนไม่ชอบคนเมา ก็เลยมีการทุบตีทำร้ายร่างกายกันบ้าง ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่เลิกรากันในตอนนั้น
ส่วนกับผู้ต้องสงสัยอย่าง นายกุ้ง ตนก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เคยเห็นแค่ผ่านๆเพราะเขาเป็นชาวบ้านในชุมชนเดียวกัน แต่ไม่เคยเห็นพฤติกรรมแปลกๆตามที่เขาร่ำลือกัน
และถ้าถามในมุมของชู้สาวหรือความหึงหวง ตนยืนยันเลยว่าไม่มี เพราะสามีใหม่ตนก็อายุเยอะ แล้วผู้ตายเองเขาก็ไม่ได้มาสุงสิงนานแล้ว อาจจะมีแค่เมื่อกันยายน 2566 ผู้ตายมาพังแคร่ไม้ที่บ้านเพราะเขาเมาแล้วพยายามจะเอาแคร่ขึ้นไปบ้านอีกหลังที่เขาอยู่ปัจจุบัน แต่เอาขึ้นไปไม่ได้ คาดว่าคงหงุดหงิด ตนก็เลยไปดุด่าครั้งนึง แล้วก็ไม่เจอกันอีกเลย
กับเหตุการณ์ครั้งนี้ยอมรับว่าช็อกมาก แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแล้วแต่ก็สงสาร ไม่อยากให้เกิดเรื่องสลดแบบนี้ขึ้น เพราะอย่างน้อยๆก็มีลูกด้วยกัน ตอนนี้สภาพจิตใจคนที่แย่ที่สุดก็คือลูกชายวัย 18 ปี ส่วนญาติของผู้ตายที่อยู่ จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นทราบว่ากำลังเดินทางลงมาเพื่อพูดคุยกันเรื่องจัดงานศพ ซึ่งตนในฐานะอดีตภรรยา กับลูกชายก็จะให้การช่วยเหลือการจัดงานศพอย่างเต็มที่