ประวัติ พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ปรากฏตัวเป็นที่จับตามองของสังคมอีกครั้ง หลังจากได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลในรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 66 เกี่ยวกับกรณีตำรวจวิสามัญ เสี่ยแป้ง นาโหนด ยิงสู้ตำรวจบนเทือกเขาบรรทัด จนกลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลในขณะนี้
ประวัติ พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ
สำหรับประวัติของ พลตำรวจตรี (พล.ต.ต.) วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2498 ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันอายุ 68 ปี เป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คน ปัจจุบันสมรสกับ นางทิพวรรณ สังข์ประไพ
เริ่มต้นเส้นทางสั่งสมประสบการณ์ในแวดวงอาชีพข้าราชการตำรวจ จากการเป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศรีปทุม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อดีตผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และอดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2524 พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ในเวลานั้นได้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้วแต่ไม่ผ่าน จึงเข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5, โรงเรียนนักเรียนพลตำรวจนครบาล รุ่นที่ 25, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม,
หลักสูตรอบรมโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานรุ่นที่ 35, ปริญญาโท สาขาพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตรนักเรียนนายร้อยอบรม รุ่นที่ 25, หลักสูตรโรงเรียนผู้กำกับการ รุ่นที่ 35 และหลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน สถาบันพระปกเกล้า (ปรม. รุ่นที่ 6) ได้ติดยศ ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) และกลายเป็นตำรวจที่มีผลงานและชื่อเสียงโด่งดังจนได้รับฉายาว่า มือปราบหูดำ
เนื่องจาก พล.ต.ต.วิชัย จัดว่าเป็นนายตำรวจมือปราบชื่อดังที่มากประสบการณ์และมีประวัติการทำงานด้านนี้อย่างโชกโชน เคยวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายมาแล้วอย่างน้อย 18 ศพ นอกจากนี้แล้วยังเคยเป็นนายเวรของ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมัยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
กระทั่งเคยได้รับรางวัลต่าง ๆ มาแล้วมากมาย เช่น รางวัลสืบสวนดีเด่นของกรมตำรวจ ปี พ.ศ. 2539, รางวัลข้าราชการดีเด่นของสมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2543, รางวัลปราบปรามยาเสพติดดีเด่นของ ป.ป.ส.จากสำนักนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2545 และ ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้น
จากนั้นในวันที่ 20 กันยายน 2555 พล.ต.ต.วิชัย ได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติกล่าวหาว่า พล.ต.ต.วิชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กับพวก ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต จับกุมผู้กล่าวหาแล้วบีบบังคับให้ใช้หนี้เจ้าหนี้พนันมีมูลความผิด ส่งผลให้ต้องยื่นหนังสือลาออกจากราชการในเวลาต่อมา
ผลงานการเมือง
ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 พล.ต.ต.วิชัยได้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตของกรุงเทพมหานคร เขต 8 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ต่อมาในวันที่ 12 กันยายน พล.ต.ต.วิชัยได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และประกาศยุติบทบาททางการเมือง
ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) อีกทั้ง ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 พล.ต.ต.วิชัยได้เข้าสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับการวางตัวให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในพื้นที่เขต 9 กรุงเทพมหานครอีกด้วย
ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2556 พล.ต.ต.วิชัย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ดูแลงานด้านจัดระเบียบความเรียบร้อยและการปราบปรามยาเสพติด แต่ต่อมา พล.ต.ต.วิชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559 โดยระบุสาเหตุของการลาออกว่าจะไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ได้ลงนามอนุมัติพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม ปี 2556
ในขณะที่ภายหลัง เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.496/2558 ยกฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย
อ้างอิง : The Police Magazine Thailand, วิกิพีเดีย
