เงินค่าป่วยการ อสม.-อสส. ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 จะได้รับเงินเท่าไหร่ และจะได้รับเงินวันไหนบ้าง เช็กเงื่อนไขการรับเงินได้ที่นี่
ตามมติที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 หลังมีมติเห็นชอบเรื่องขอเพิ่มค่าป่วยการ อสม. เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และเพิ่มจำนวน อสม.ที่มีสิทธิรับค่าป่วยการ ในการตั้งคำถามของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เนื่องจากเห็นความสำคัญของ อสม.ในการดูแลสุขภาพประชาชนไทย
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีชุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงมีมติให้เพิ่มค่าป่วยการ อสม. จาก 1,000 บาทเป็น 2,000 บาท โดยจะเริ่มต้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 หรือวันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่อสม. เสียสละทำงานให้รัฐและมีความจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ รวมถึงมีความปรารถนาดีต่อประชาชนเพื่อนร่วมชาติอีกด้วย
อสม. ได้รับค่าป่วยการประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 วันไหนบ้าง
เงินค่าป่วยการของอสม. และอสส. ประจำเดือนพฤศจิกายน ทางกรมบัญชีกลางจะทำการจัดโอนเงินให้อสม.ทุกท่านในวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ทุกท่านจะได้รับเงินจำนวน 1,000 บาทไปก่อน และจะต้องรอตกเบิกในภายหลังถึงจะได้รับเงิน 2,000 บาทตามมติของคณะรัฐมนตรี
เกณฑ์การได้รับค่าป่วยการของ อสม.
สำหรับเกณฑ์ของ อสม. ที่จะได้รับค่าป่วยการจำนวนเงิน 2,000 บาทในงบประมาณปี 2567 ราชกิจจานุเบกษาได้มีการกำหนดสิทธิได้รับเงินค่าป่วยการในการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. 2566 ไว้ดังนี้
1. จะต้องเป็นผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติ อสม. ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
2. ต้องมีระยะเวลาในการปฏิบัติงานแน่นอนในกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ
3. มีการรายงานผลการปฏิบัติงาน โดยมีประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านระดับหมู่บ้านหรือชุมชน และประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ระดับตำบล เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองรายงานผลการปฏิบัติงาน
ช่องทางการจ่ายเงินค่าป่วยกลาง อสม.จะได้รับเงินจากช่องทางไหน
การจ่ายเงินค่าป่วยการของ อสม.ให้กรมบัญชีกลาง โอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของ อสม. ส่วน อสม.รายใด มีเหตุจำเป็นไม่อาจเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับเงินค่าป่วยการได้ ให้ทำคำชี้แจงต่อนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นรายบุคคล และให้รวบรวมข้อมูล รวมทั้งเหตุผลความจำเป็น ส่งให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพพิจารณา เพื่อให้ความเห็นชอบ ในการเบิกจ่ายเงินสดเป็นรายบุคคลต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง