ข่าว

ดูกันให้ชัด อ.เจษฎ์ เปิดภาพที่มา “บั้งไฟพญานาค” แท้จริงเป็นกระสุนส่องวิถี

อาจารย์เจษฎา เปิดที่มาที่แท้จริงของบั้งไฟพญานาค เกิดจากกระสุนส่องวิถี พร้อมเล่าเรื่องผลการพิสูจน์บั้งไฟจากเพื่อนฝั่งลาว เน้นย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาทำลายความเชื่อ เพียงแค่ต้องการพิสูจน์เท่านั้น

หลังจากผ่านช่วงวันออกพรรษาเมื่อเดือนที่แล้ว จังหวัดหนองคายได้จัดประเพณีสำคัญอย่าง งานบั้งไฟพญานาคโลก ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมเพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ล่าสุด วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดที่มาที่จริงของบั้งไฟพญานาค

Advertisements

อ.เจษฎา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า “จริง ๆ หลักฐานเรื่อง บั้งไฟพญานาค เป็นกระสุนส่องวิถี (tracer round) ยิงขึ้นฟ้าจากฝั่งลาวนั้น มีออกมาเยอะมาก ตั้งแต่การลงพื้นที่พิสูจน์ของคุณสมภพ ขำสวัสดิ์ และเพื่อนๆ เพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ใน พ.ศ. 2555 หรือกว่า 11 ปีแล้ว

ครั้งนั้นมีทีมงานเพื่อนคนลาว ช่วยถ่ายภาพและคลิปวีดีโอจากฝั่งลาวด้วย ซึ่งได้หลักฐานชัดเจนว่า มีการยิงกระสุนส่องวิถีขึ้นฟ้า จากป่าในฝั่งลาว และเมื่อยิงขึ้นไปแล้ว คนไทยที่มานั่งชมในฝั่งไทย ก็ส่งเสียงเฮลั่นตามมา ที่สำคัญคือ ได้รูปที่มีการยิงขึ้นจากเรือไฟที่ไหลผ่านมาด้วย ซึ่งน่าจะทำให้ยิ่งหลอกสายตาผู้ชมได้เนียนขึ้นอีก ว่าลูกไฟมันพุ่งขึ้นจากน้ำ ในเวลากลางคืนอันมืดมิด

ป.ล. ในรูปประกอบ ฝั่งซ้ายคือฝั่งไทยที่มีคนมารอดูบั้งไฟพญานาคเต็มไปหมด ส่วนฝั่งขวาคือฝั่งลาว ที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก ส่วนใหญ่ก็คือมาดูเรือไฟและลอยกระทง ในวันออกพรรษา”

บั้งไฟพญานาค กระสุนส่องวิถี
ภาพจาก Facebook : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

นอกจากนี้ อ.เจษฎ์ ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่ทีมงานคนเล่าให้ฟังระบุว่า “ผลการพิสูจน์บั้งไฟพญานาค 30 ต.ค. 55 โดยคุณสมภพ ผลงานจากเพื่อนฝั่งลาว

ก่อนไปได้ประชุมกันก่อน เพราะเรื่องมันมีอยู่ว่า ปีที่แล้ววันที่ 12 ต.ค. 54 ผมไปถ่ายรูปบั้งไฟพญานาคแบบเปิดหน้ากล้องนาน ๆ ที่ บ.ท่าม่วง อ.รัตนวาปี (พิกัด 18.21325,103.155608) จึงไปหาใน google map ว่า หมู่บ้านลาวฝั่งตรงข้ามคือหมู่บ้านอะไร พบว่าคือ หมู่บ้าน Ban Houay Sophay, Bolikhamsai, ປະເທດລາວ อ่านว่า บ้านห้วยโสไพ (พิกัด 18.217224,103.146214)

Advertisements

ผมนัดให้เพื่อนคนลาวไปดู ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในหมู่บ้านนั้น ได้เรื่องราวพร้อมคำบอกเล่าที่เป็นข้อความจากทีมคนลาว จากคุณ Thanavorakit Kounthawatphinyo เล่าว่า วันนี้พวกเราพากันไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคมา สถานที่ก็อยู่ฝั่งลาวเรานี่แหละ แต่ไม่ขอระบุสถานที่

ไปกันตั้งแต่บ่าย 2 – 3 โมง เพื่อจะได้ไม่ต้องแย่งที่ใคร เพราะกลัวคนเยอะ ไปถึงแล้วก็ปรากฎว่าไม่ค่อยมีคน มีแต่ชาวบ้าน ก็เลยได้เลือกสถานที่ตามใจ แล้วก็นั่งรอจนถึงค่ำ ฝั่งลาวเราไม่มีอะไรมาก เป็นงี้แหละ แต่ฝั่งไทยคนเยอะ เยอะพิลึกพิโล เยอะเอาจริงเอาจัง เขาก็ไปนั่งรอ นั่งจองสถานที่กันตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำจนเดือนโผล่ดินขึ้นฟ้า

พวกเราก็นั่งดู นั่งสังเกตไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาหนึ่ง ได้ยินเสียงเฮจากฝั่งไทย แล้วก็เสียงโฮดังต่อมา เพราะว่าเขาเห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้น พวกเราก็มองหาดู แต่ก็ไม่เห็น แล้วก็เงียบไปอีกระยะหนึ่ง จากนั้นฝั่งไทยก็พากันร้องเฮโฮกันอีก เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง

ขณะที่ทีมพวกเรากำลังสิ้นหวัง คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นบั้งไฟศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ปรากฎว่ามีเสียงโฮดังขึ้นอีกจากฝั่งไทย แล้วในวินาทีนั้นเอง เป็นวินาทีแรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นบั้งไฟพญานาคลอยพ้นบริเวณขึ้นฟ้า สีของมันเป็นสีชมพูเข้ม อาจเข้าขั้นสีแดงเลยก็เป็นได้ มันเคลื่อนที่ไม่ไวนัก และไม่ช้านัก มันลอยขึ้นฟ้าแล้วก็ดับไป

นั่นเป็นวินาทีที่ตื่นเต้นมากสำหรับคณะของพวกเรา ซึ่งบางคนก็เห็น บางคนก็ไม่เห็น แต่สำหรับข้าพเจ้าที่เห็นนั้น แปลกใจมาก เพราะมันเป็นอย่างที่เขาเล่ากันมา

หลังจากบั้งไฟลูกนั้นแล้ว พวกเราก็นั่งตั้งหน้าตั้งตารอคอยต่อไป และพยายามดูไปที่ผิวน้ำแต่ก็ไม่ปรากฏเห็น ได้ยินแต่เสียงโฮ่จากฝั่งไทย ไม่รู้เขาร้องโฮ่อะไร เห็นมีแต่พากันยิงพุไฟ แล้วก็จุดประทัด และอันที่ปวดหัวที่สุดนั่นคือมีการลอยโคมไฟขึ้นฟ้า ทำให้สับสนว่าอันไหนเป็นบั้งไฟ อันไหนเป็นโคมไฟกันจริง ๆ

หลังจากผ่านไปร่วมชั่วโมง พวกเราก็เห็นบั้งไฟพญานาคปรากฎขึ้นอีก แต่ครั้งนี้กลับอยู่เลียบแม่น้ำทางขวามือ ซึ่งข้าพเจ้าก็มีโอกาสได้เห็นอีกครั้ง นั่งดูไปพอสมควร ปรากฏว่า เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงดังขึ้นจากทางซ้ายมือ พอเหลียวไปเท่านั้นแหละเห็นบั้งไฟพญานาคลอยขึ้นฟ้า แล้วก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก แต่ไม่เห็นบั้งไฟขึ้น ส่วนฝั่งไทยนั้นหรือ ก็โฮนั่นแหละครับพี่น้อง

พวกเรานั่งสังเกตอยู่พอสมควร จึงรู้กันว่า บั้งไฟพญานาคมันชอบขึ้นอยู่ทางเลียบแม่น้ำฟากขวามือ ก็เลยพากันไปดู มันเป็นต้นโพธิ์ หรือต้นไทร หรือต้นอะไรซักอย่าง ขนาดใหญ่ ปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ลองสอบถามเด็กชาวบ้านก็บอกว่าเป็นเขตที่ผู้ใหญ่ไม่ให้เข้า เพราะมันอันตราย โดยเฉพาะในยามกลางคืน บางคนก็ว่าเป็นเขตดินของวัด บางคนก็ว่ามีศาลเจ้า หรือศาลอะไรต่าง ๆ อยู่ในนั้น

ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีลูกไฟลอยขึ้นมาจากในป่าแห่งนั้นที่พวกเรากำลังดูอยู่ มันเป็นลูกไฟสีแดงลอยขึ้นมา ความไวมันเป็นแบบลูกไฟที่พวกเราเห็น และเข้าใจว่าเป็นบั้งไฟพญานาคในตอนแรกนั่นเอง เด็กน้อยแถวนั้นบอกว่า อยู่นี้เห็นตลอด บางคนเห็นถึง 17 ลูกแล้ว พวกเราจึงตั้งหลักกันสังเกตการณ์อยู่นั้น ซึ่งก็สังเกตเห็นคนอยู่ในป่านั้น

เขาก็เดินไปเดินมา แล้วก็เหลียวมาดูคณะของพวกเรา จากนั้นก็หายไปในป่า แล้วก็ออกมาอีก เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบ จากนั้นก็มีลูกไฟปรากฎออกมาจากในป่าอีก และแน่นอนฝั่งไทยก็ร้องโฮขึ้น หลังจากนั้น หนึ่งในทีมงานที่ไปกับคณะของพวกเราเดินมาหา แต่ระหว่างทางปรากฎว่าพบกับใครก็ไม่รู้จัก เดินสวนทางมาแล้วบอกว่าระวังตัวให้ดีแล้วก็เดินผ่านไป

พวกเรารู้แบบนั้นก็ไม่สบายใจ คิดว่าน่าจะมีอะไรแล้วล่ะ แต่ก็ยังอดรออยู่ต่อไป ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย ฝั่งไทยก็เลิกโฮ ฝั่งลาวก็เงียบ เราก็งง จากนั้นก็เห็นคนพายเรือไปยังที่ป่านั้น แล้วก็มีคนในป่าเดินไปหาเรือแล้วก็หายไป

ยืนรออยู่นานพอสมควร แล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังคุยกันนั้นเอง เสียงปืนก็ดังขึ้นจำนวน ๑๐ ลูกติดต่อกัน พวกข้าพเจ้าเห็นลูกไฟสีแดงที่เรียกและเชื่อกันว่ามันคือ “บั้งไฟพญานาค” ลอยมาจากทางหลังของพวกเรา และเสียงนั้นก็เช่นกัน มันดังมาจากหลังของพวกเรา มีคนยิงปืนอยู่ทางหลังเรานี้เอง

พอได้สติแล้ว ข้าพเจ้าก็เรียกให้สหายที่ไปด้วยกันรีบออกจากที่นั้นทันที เพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อคนที่ยิงบั้งไฟพญานาคนั้น อยู่ใกล้ขนาดนี้ ซึ่งก็แน่นอน สิ้นเสียงปืนลูกที่ 10 แล้ว เสียงโฮจากฝั่งไทยก็ดังขึ้นตามมา ถ้าเปรียบเป็นการแสดง นี้คงเป็นการแสดงที่เรียกได้ว่า The Best Performance”

ในตอนท้ายอ.เจษฎ์ระบุด้วยว่า ให้สังเกตภาพให้ดี จะเห็นจุดกำเนิดของบั้งไฟ พร้อมบอกด้วยว่า ไม่ได้มีเจตนาทำลายความเชื่อ ทีมของตนเพียงต้องการพิสูจน์เท่านั้น ซึ่งตนเองก็ยังเชื่อว่าอาจมีลูกไฟที่ไม่ได้ออกมาจากปลายกระบอกปืน แต่จะเป็นที่ใด อย่างไร และเมื่อไร อาจต้องรอดูปีหน้า

อ้างอิง : Facebook อาจารย์เจษฎ์

Kamonlak

นักเขียนข่าวประจำ Thaiger ผู้มีความสนใจที่หลากหลาย มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเขียนข่าวการเงิน เศรษฐกิจ จบการศึกษาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งานอดิเรก ติดตามข่าวสารความบันเทิง โดยเฉพาะภาพยนตร์และแอนิเมชัน เขียนงานโดยมีแนวคิดที่ต้องการถ่ายทอดมุมมองของตัวเองและถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ช่องทางติดต่อ kamonlak@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button