เปิดความจริงในสมัยอยุธยา จากฉากผัวตบตีเมียต่อหน้าพระเจ้าท้ายสระในพรหมลิขิต แฟนละครเกิดสงสัย หลังตัวละครบ่าวไพร่ทูลว่า ทำได้ ไม่ผิดกฏหมายอยุธยา
มาแรงอย่างต่อเนื่องจริง ๆ สำหรับละครย้อนยุค “พรหมลิขิต” ซึ่งก็ได้ออนแอร์มาถึงตอนที่ 7 เป็นที่เรียบร้อย เรื่องราวระหว่างพุดตาน พ่อริดพ่อเรือง ขุนหลวงท้ายสระ และเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาค่อย ๆ เข้มข้นพาให้ชวนติดตามยิ่งขึ้น
ในตอนที่ 7 ออกอากาศในคืนวันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นอกจากความสนุกสนานแล้วนั้น ฉากหนึ่งของเรื่องยังได้ปรากฏภาพการตบตีในครอบครัวต่อหน้าพระเจ้าท้ายสระ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าท้ายสระเสด็จไปตามคลอง และเห็นสามีตบตีภรรยาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
พระเจ้าท้ายสระจึงตรัสถามบ่าวไพร่ว่า “ผู้ชายอยุธยา มันเหี้ยมโหดกับเมียมันเช่นนี้ทุกคนหรือ สิ่งที่เรียกว่าประเพณี เห็นทีจักต้องคิดกันใหม่ ฤาเห็นทีว่า ฝรั่งจักไม่ตีเมียจริง ๆ”
คำตอบของบ่าวไพร่ที่ว่า ในอยุธยาสามีสามารถตบตีเมียได้ โดยไม่เป็นการขัดต่อกฎหมาย ได้สร้างความฉงนใจให้แก่แฟนละครไม่น้อย และตั้งคำถามว่ากฏหมายแบบนี้มีอยู่จริงหรือ
หากจะให้เข้าใจกระจ่างชัด ต้องอ่านกฎหมายในยุคอยุธยาสมัยนั้นคือ พระอัยการลักษณะผัวเมีย ว่าด้วยข้อกำหนดและบทลงโทษต่อสามีและภรรยาที่ทำผิด ในกฏหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 60 ได้ระบุไว้ว่า “สามีภรรยาอยู่ด้วยกัน ภริยามีความผิด สามีจะปราบปรามโบยตีหญิง หญิงจะเอาโทษแก่สามีนั้นมิได้ ถ้าภริยาด่าว่าหยาบช้าแก่สามี ให้ภริยาเอาข้าวตอกดอกไม้ขอโทษแก่สามีจึงควร”
หมายความว่า ถ้าภรรยาทำผิด สามีมีสิทธิลงโทษด้วยการโบตี โดยภรรยาไม่สามารถเรียกร้องเอาผิดต่อสามีที่ทำร้ายได้ และถ้าฝ่ายภรรยาว่ากล่าวด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก็ให้เอาข้าวตอกดอกไม้ยกไปขอโทษสามี
ทั้งนี้ หากสามีจะทำโทษหญิงโดยปราศจากเหตุอันควร ทำร้ายภริยาบาดเจ็บ ถือว่าชายกระทำเกินขอบอำนาจการปกครอง ซึ่งชายอาจถูกจับไล่ไสส่งเสียได้ (บทที่ 57)
โชคดีที่พระอัยการลักษณะผัวเมียได้ยกเลิกไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2478 สมัยรัชกาลที่ 8 นี้เอง
ข้อมูลจาก พระอัยการลักษะผัวเมีย Ramkhamhaeng University
- เปิดหน้าสแตนด์อิน การะเกด-พุดตาน พรหมลิขิต เหมือน เบลล่า เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า
- เกิดอะไรขึ้นกับยอดวิว ‘พรหมลิขิต EP.7’ ชาวเน็ตตกใจ ถกเหตุผลสนั่น
- เรตติ้งละคร “พรหมลิขิต” ทะยานทำสถิติ 7.1 ยอดชมออนไลน์ทะลุล้าน