ประวัติ “เณรแอ” จอมขมังเวทย์ ต้นตำรับคดีย่างศพเด็ก สู่ข่าวโดนร้องล่วงละเมิด
ประวัติ “เณรแอ” ย้อนเส้นทางชีวิต จอมขมังเวทย์ผู้หากินกับวงการไสยศาสตร์ เจ้าของคดีดังย่างศพเด็กทำกุมารทอง
เณรแอ จอมขมังเวทย์ ผู้ก่อเหตุสุดสะเทือนขวัญแห่งยุคย่างศพทำกุมาร เขาเป็นหนึ่งในผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 30 มีนาคม 2558 ภายหลังได้รับการปล่อยตัว เณรแอยังคงรับทำคุณไสย ประกอบอาชีพหากินกับความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์เช่นเคย
เส้นทางชีวิตเณแอ ก่อนถูกตัดสินจำคุก 75 ปี
เณรแอ หรือ นายหาญ รักษาจิตร์ บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดหนองระกำ อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เป็นเวลานานหลายปี แม้ว่าจะถึงวัยที่ต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุ แต่เณรแอกลับไม่ยอมอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และเลือกที่จะร่ำเรียนไสยศาสตร์มนต์ดำจากอาจารย์เขมรแทน จนเป็นที่เลื่องลือกันว่า เป็นบุคคลผู้มีอาคม ช่ำชองการทำเสน่ห์ยาแฝด การสะเดาะเคราะห์ รวมไปถึงการปลุกเสกของขลังต่าง ๆ
เณรแอคร่ำหวอดอยู่ในวงการคุณไสย ลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพเชื่อใจ และให้เณรแอทำพิธีทางไสยศาสตร์กันอย่างเนืองแน่น ในช่วงปีพ.ศ. 2537 อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เณรแอใช้ใต้ถุนเมรุวัดหนองระกำ เป็นสถานที่ลงมือทำพิธีปลุกเสกกุมารทอง ของขลังที่หลายคนเชื่อกันว่า หากมีไว้ในครอบครองจะทำให้เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ด้วยความนิยมที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของอิทธิฤทธิ์กุมารทอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่มีอยู่เดิมของคนไทย อันได้เชื่อมโยงกับวรรณคดีขุนช้างขุนแผน ทกคนจึงขนานนามให้เขาเป็นจอมขมังเวทย์
พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ของเณรแอได้กลายเป็นคดีดังทั่วไทยจากการย่างศพเด็ก หลังกรมการศาสนาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองโดน ให้ดำเนินคดีในข้อหาอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีตัวตน ซึ่งเณรแอถูกจำคุกอยู่ 1 ปีเต็ม
หลังพ้นโทษเณรแอไม่ได้อยู่ในผ้าเหลืองอีกต่อไป แต่เขากลับใช้บ้านพักทรงไทย ที่ปลูกสร้างอยู่บนเนื้อที่ 5 ไร่ ในเลขที่ 18 หมู่ 6 ตำบลหนองโดน อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี เป็นสถานที่ทำเสน่ห์ยาแฝด และยังคงดำรงตนอยู่ในแวดวงไสยศาสตร์ต่อไป
ต่อมาในปีพ.ศ. 2538 เณรแอได้แต่งงานกับนางชไมพร รักษาจิตร์ และยังคงประกอบอาชีพหมอยาเสน่ห์ ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ทั้งคู่ไม่ยืนยาวนัก นางชไมพรได้ฟ้องหย่าต่อศาล โดยอ้างว่า เณรแอบังคับให้เธอหลอกลวงหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัวให้มาทำพิธีไสยศาสตร์
สิบปีต่อมา อดีตภรรยาเข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวหาว่า เณรแอเป็นบุคคลหลอกลวง มักอ้างพิธีทางไสยศาสตร์หลอกข่มขืนหญิงสาวที่หลงเชื่อ อีกทั้งยังถ่ายวิดีโอไว้แบล็กเมล์เหยื่อด้วย หลังการสอบสวนและดำเนินคดี
ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2548 ตำรวจบุกจับพบเณรแอ และพบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องพักกับหญิงสาววัย 19 ปี รายหนึ่ง ทั้งนี้ เด็กสาวยอมรับกับตำรวจว่า เดินทางมาพบเณรแอ เพื่อให้ทำเสน่ห์ยาแฝดให้ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าพิธีจึงยอมร่วมหลับนอนเขา จากการตรวจค้นบ้านพักของเณรแอพบเครื่องรางของขลังและอุปกรณ์การทำพิธีไสยศาสตร์มากมาย รวมถึงสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบสัมมาอาชีพ อย่างยาไวอากร้า และยากล่อมประสาท ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพระภายในห้องทำพิธีด้วย
เขาถูกคุมตัวมาสอบสวนที่บก.ปดส. เณรแอยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อมาพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเณรแอ ต่อศาลอาญา รัชดาฯ เอาผิดเณรแอฐานฉ้อโกงประชาชน กระทั่งในวันที่ 23 เมษายน 2553 ศาลได้พิพากษาจำคุกเณรแอเป็นเวลา 100 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้เหลือจำคุกเพียง 75 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อลงโทษจำคุกจำเลยทุกกระทงความผิดจะจำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี
ในปีพ.ศ. 2558 ด้วยเหตุการประพฤติตนเป็นนักโทษชั้นดี เณรแอได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และถูกปล่อยจากเรือนจำบางขวาง ในวันที่ 30 มีนาคม 2558 นับแต่นั้นมาจวบจนวันนี้เณรแอยังคงหากินอยู่ในวงการไสยศาสตร์เช่นเดิม ดังเช่นที่มีผู้ใช้งาน TikTok พบเณรแอใช้บัญชีส่วนตัวในการรับดูดวง แก้ดวงชะตา รวมถึงการทำให้คนรักกลับคืน
ล่าสุดเรื่องราวของเณรแอกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังหญิงสาววัย 25 ปี ร้องเรียนต่อเพจสายไหมต้องรอด เหตุถูกเณรแอร์ ล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเธอได้นำหลักฐานการแชทข้อความมาขอความช่วยเหลือจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยระบุว่า เธอไปหาเณรแอที่สำนักหลายครั้ง เพราะต้องการให้ถอนคุณไสยและมนตร์ดำออกจากตัวเธอ หลังเธอสงสัยว่าตนอาจโดนของ
ขณะอยู่ในห้องส่วนตัว เณรแอสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออกและบอกว่าขืนใจให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย ซึ่งเป็นวิธีในการถอนคุณไสยในตัวเธอ พวกเขาทำเช่นนี้หลายต่อหลายครั้งแต่คุณไสยก็ยังไม่สามารถถอนออกไปได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเณรแอยืนยันว่า ตนไม่เคยล่วงเกินหรือกระทำตามที่ผู้เสียหายได้กล่าวโทษแต่อย่างใด
เรื่องราวชีวิตของเณรแอจะจบลงในคุกเช่นเดิมหรือไม่ คงต้องติดตามผลการสอบสวนของตำรวจต่อไป