อธิบดีราชทัณฑ์ ยืดอกพร้อมรับผิดชอบ ถ้าตามตัว ‘เสี่ยแป้ง’ ไม่สำเร็จ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืดอกพร้อมแสดงความรับผิดชอบ หากตามตัว เสี่ยแป้ง นาโหนด ไม่สำเร็จ ขณะที่ 4 ผู้คุมยังไม่ให้การสารภาพ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวชี้แจงความคืบหน้ากรณี เสี่ยแป้ง นาโหนด หรือ เชาวลิต ทองด้วง นักโทษในความผิดคดีปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษรวม 21 ปี 3 เดือน 25 วันที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาล และล่าสุดยังตามตัวไม่พบนั้น
นายสหการณ์ ระบุว่าสำหรับการตรวจสอบของคณะกรรมการราชทัณฑ์ เรื่องการหลบหนีของผู้ต้องขังชาย จากเดิมที่จะมีการสรุปรายงานผลการตรวจสอบในวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา ขอเรียนว่าขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ยังคงอยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบต่อเนื่อง เพราะค่อนข้างมีเนื้อหารายละเอียดที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก และเราไม่ได้ตรวจสอบเพียงเจ้าหน้าที่ผู้คุมราชทัณฑ์ในวันเกิดเหตุที่มี 4 ราย (ผลัดเช้าและผลัดบ่าย) แต่เราตรวจสอบทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเมื่อข้อมูลที่เราได้รับมามันพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เราต้องนำไปตรวจสอบร่วมด้วย ข้อมูลบางส่วนมาจากคำให้การซัดทอดของทั้ง 4 เจ้าหน้าที่ผู้คุม
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ ราชทัณฑ์เองต้องพิจารณาประกอบกับระบบของราชทัณฑ์ หรือระเบียบของราชทัณฑ์ ว่ามันมีความบกพร่องในระหว่างเวรงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก่อนเกิดเหตุการณ์การหลบหนีของผู้ต้องขังหรือไม่ เช่น ตั้งแต่วันแรกที่นายเชาวลิตเข้ามาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นอย่างไร การอนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำฯ มีความถูกต้องเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนหรือไม่ รวมถึงประเด็นการเลื่อนนัดหมายของแพทย์ ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับทราบการเลื่อนนัดนั้น ก่อนที่จะคุมตัวนายเชาวลิตออกไปโรงพยาบาลหรือไม่ หรือว่าได้รับทราบการเลื่อนนัดของแพทย์เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเราดูทั้งหมด ใครที่เกี่ยวข้องต้องร่วมรับผิดชอบจากสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่ายังไม่สามารถสรุปได้ใช่หรือไม่ว่าทั้ง 4 ผู้คุมราชทัณฑ์ในวันเกิดเหตุ มีความเกี่ยวข้องร่วมช่วยเหลือแผนการหลบหนีของนายเชาวลิต นายสหการณ์ เผยว่า ยังไม่สามารถสรุปเช่นนั้น เพราะคณะกรรมการยังคงต้องตรวจสอบให้ครบทุกประเด็น และทุกประเด็นจะต้องสะเด็ดน้ำ เพื่อไม่ให้มีความผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องในประเด็นใด อีกทั้งตนยังไม่ได้รับรายงานรายละเอียดเชิงลึกจากคณะกรรมการ คาดว่าจะมีการรายงานมาต่อเมื่อเป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบและตรวจสอบครบถ้วนแล้ว ยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ เน้นไปที่ความบกพร่องของราชทัณฑ์ ส่วนเรื่องกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบของคณะกรรมการ ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งและกำชับว่าขอให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตา และรอการชี้แจงของราชทัณฑ์ อย่างไรคงต้องรอประธานคณะกรรมการนำเสนอมาก่อนว่าจะขอขยายกรอบเวลาการตรวจสอบออกไปอีกกี่วัน
ต่อข้อถามว่าได้รับทราบรายละเอียดในประเด็นที่ในวันเกิดเหตุ ทำไม 2 ผู้คุมราชทัณฑ์ในผลัดบ่าย (ช่วงกลางดึก) ปล่อยให้นายเชาวลิตนอนอยู่บนเตียงคนป่วยโดยไม่มีผู้คุมเฝ้าสักราย เวลานั้นทั้งคู่ไปอยู่ไหน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรบ้าง นายสหการณ์ เผยว่า เบื้องต้นผู้คุมราชทัณฑ์ มีการชี้แจงอ้างว่าในห้องผู้ป่วยรวมดังกล่าวมีความหนาแน่นแออัด จึงตัดสินใจออกมาจากห้องคนไข้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแพทย์และพยาบาลที่กำลังให้การรักษาผู้ป่วยรายอื่นๆ แต่การกล่าวอ้างเช่นนี้ยังรับฟังไม่ได้ เพราะเมื่อผู้คุมมีผู้ต้องขังอยู่ในความรับผิดชอบดูแล ต้องปฏิบัติหน้าที่ ห้ามละเลย ทั้งคู่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยเป็นไปตามระเบียบแต่อย่างใด อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือเรื่องเครื่องพันธนาการจะต้องเเน่นหนา ที่ผ่านมามีการรายงานข่าวว่าผู้คุมได้ขยายโซ่ตรวนของผู้ต้องขังจึงเกิดการหลวมนั้น ตรงนี้เป็นการสันนิษฐาน อย่างไรต้องขอรอรายละเอียดรายงานจากคณะกรรมการก่อน
“ทั้ง 4 คุมราชทัณฑ์ในวันเกิดเหตุ ยังไม่มีใครให้การยอมรับว่าได้ร่วมวางแผน หรือให้การช่วยเหลือนายเชาวลิตให้หลบหนีจาก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ไปได้ เพราะไม่มีใครที่จะกล้าพูดว่าตัวเองให้การช่วยเหลือ แต่เราเน้นที่พยานหลักฐานเป็นสำคัญ และตอนนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินของทั้ง 4 ผู้คุมว่ามีการรับผลประโยชน์ มีการรับเงิน เอื้อประโยชน์ในส่วนใดหรือไม่ และต้องตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้ที่เคยเข้าเยี่ยมนายเชาวลิตด้วย” นายสหการณ์ ระบุ
นายสหการณ์ เผยอีกว่า สำหรับการที่นายเชาวลิตว่าจ้างคนนอกให้เฝ้าไข้นั้น ตนยืนยันว่าผิดระเบียบของราชทัณฑ์ เพราะไม่มีส่วนใดที่อนุญาตให้ดำเนินการได้ เพราะจริงๆแล้วหน้าที่ตรงนี้จะต้องเป็นของผู้คุมราชทัณฑ์ที่จะต้องดูแลผู้ต้องขังของตัวเอง จะต้องรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นอันดับแรก คาดว่าคนเฝ้าไข้รายดังกล่าว (น.ส.วิลาวัลย์ หมื่นรักษ์ หรือไหม) จะมีการตีเนียนคล้ายเป็นญาติที่เดินทางเข้าเยี่ยม เนื่องจากทั้ง 4 ผู้คุมราชทัณฑ์ปฏิเสธว่าไม่รับรู้ในส่วนของผู้เฝ้าไข้รายนี้ เข้าใจว่าเป็นญาติเดินทางมาเยี่ยมนายเชาวลิต อย่างไรก็ตาม จะต้องไปตรวจสอบว่าแต่ละคนที่เข้ามาพบนายเชาวลิตที่ รพ. อยู่ในรายชื่อที่มีการระบุไว้ว่าจะเข้าเยี่ยมหรือไม่ หากไม่มีรายชื่ออยู่ในนั้น ถือว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการในการให้ความช่วยเหลือนักโทษ แล้วจะเป็นความผิดในส่วนของผู้คุมที่ปล่อยปละละเลยให้บุคคลเหล่านี้เข้าพบผู้ต้องขังรายสำคัญอย่างประชิดตัวได้อย่างไร
เมื่อถามว่าหากไม่สามารถติดตามตัวนายเชาวลิตกลับมาได้ เพราะล่าสุดได้มีการปรับเงินรางวัลนำจับจาก 100,000 บาท เป็น 1,000,000 บาท กรมราชทัณฑ์จะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง นายสหการณ์ เผยว่า ต้องยอมรับว่ามันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เอง โดยเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ได้ การรับผิดชอบนั้น ประการที่หนึ่ง คือ ต้องนำผู้ที่กระทำความผิดมารับผลทางกฎหมาย ประการที่สอง คือ ต้องเร่งปรับปรุงแก้ไขในระบบของราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ในเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยที่มันจะมีช่องโหว่ให้สามารถใช้ดุลพินิจในทางที่ไม่เหมาะสมหรือเอื้อประโยชน์ได้ ตรงนี้จะต้องรีบปรับปรุงทบทวนแก้ไขด่วน
นอกจากนี้ เบื้องต้นตนได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการเรือนจำทั่วทุกแห่งในประเทศไทย กรณีการนำผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำหรือออกไปปฏิบัติสาธารณะประโยชน์ ขอให้ผู้คุมราชทัณฑ์มองถึงความมั่นคงปลอดภัยเป็นอันดับแรก และจะต้องแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมด้วย เพราะหน้าที่หลักของเราคือต้องควบคุมดูแลผู้ต้องขังไม่ให้หนีและไม่ให้ก่อปัญหา
ส่วนกรณีมาตรการเข้มงวดในการคุมผู้ต้องขังรายสำคัญหรือผู้ต้องขังในคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง คดีความมั่นคงนั้น เดิมสัดส่วนจะเป็นผู้คุม 2 รายต่อผู้ต้องขัง 1 ราย แต่ทราบว่าในระเบียบราชทัณฑ์ จำนวนของผู้คุมต่อผู้ต้องขังจะอยู่ในดุลพินิจการพิจารณาของผู้บัญชาการเรือนจำนั้นๆ ว่าจะมีการเพิ่มหรือไม่อย่างไร แต่ก็ต้องมีความเข้มงวดขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก
รอง ผบ.ตร. เผยมีหลักฐานว่า ‘เสี่ยแป้ง นาโหนด’ หนีออกนอกประเทศไปแล้ว