ย้อนไทม์ไลน์ คดีลุงพล-น้องชมพู่ มหากาพย์เด็กหายตัวแห่งทุ่งกกกอก ตอนนี้-ถึงไหนแล้ว ?
คดีลุงพล น้องชมพู่ ป้าแต๊น ถึงไหนแล้ว พาย้อนดูมหากาพย์ ไทม์ไลน์เด็กหญิง 3 ขวบ หายตัวปริศนา เหตุเกิด ณ บ้านกกกอก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ปัจจุบันเวลาผ่านกว่า 3 ปี 5 เดือน 20 วัน ศาลเตรียมพิพากษาพรุ่งนี้ แต่ประกาศเลื่อนกะทันหัน
วันที่ 30 ต.ค. 2566 หลังจาก “ศาลจังหวัดมุกดาหาร” ได้แจ้งเลื่อนการอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” และ นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” สองสามีภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 โดยทางศาล จ.มุกดาหาร ได้แจ้งเลื่อนการอ่านคำพิพากษาซึ่งเดิมกำหนดอ่านคำพิพากษาวันที่ 30 ต.ค.66 เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจร่างคำพิพากษา จึงเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปปลายเดือนธันวาคม ตามวันว่างของคู่ความ โดยไม่มีกำหนดที่ชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ จึงขออนุญาตพาทุกคนย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ของคดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่า เด็กหายตัวไปเพราะอะไร ? ก่อนที่ต่อมาจะเสียชีวิตที่อ้างอิงจากแพทย์ผู้ชันสูตรและผู้เชี่ยวชาญยืนยันได้ว่า น้องเสียชีวิตอยู่ในห้วงเวลาระหว่าง วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 14.30 น. ถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 14.30 น.
11 พ.ค. 2563 วันที่น้องชมพู่ อายุ 3 ปี หายตัวไป
วันที่ซึ่งระบุไว้ด้านบน คือ จุดเริ่มต้นที่ ด.ญ.อรวรรณ หรือ “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา บริเวณหน้าบ้านของ น.ส.จุไรภรณ์ สุขพันธุ์ หรือ น้าต่าย เป็นบ้านที่ติดกับบ้านของน้องชมพู่ ซึ่งครอบครัวและชาวบ้านระดมการค้นหา เกือบ 4 วันเต็ม
เย็นวันที่ 14 พ.ค. 63 ก็พบศพน้องชมพู่ นอนเสียชีวิตบนภูเหล็กไฟ เขตอุทยานแห่งชาติภูผายล ห่างจากบ้านน้องชมพู่ประมาณ 2 กม. สภาพศพเปลือยกาย พบร่องรอยหนามเกี่ยวตามแขนและขา บริเวณที่เกิดเหตุยังพบกางเกงน้องชมพู่ถูกถอดไว้ข้างก้อนหิน และรองเท้าหล่นอยู่ระหว่างทางเดิน
ตำรวจ เชื่อว่าเด็กหญิงผู้เสียชีวิตไม่ได้พลัดหลงป่าหรือเข้าไปในป่าเพียงคนเดียว มั่นใจว่ามีคนนำพาตัวไปที่จุดเกิดเหตุ สอดคล้องกับ แถลงสรุปผลคดีโดย สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในขณะนั้น เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2563 ซึ่งระบุ น้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบริเวณจุดพบศพได้ด้วยตนเอง ! แต่มีคนร้ายพาไปด้วยเหตุผล 8 ประการ ดังนี้
- เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถ โดยข้อเท็จจริงตัวน้องชมพู่ อายุ 3 ปี 2 เดือน สูง 55 ซม. น้ำหนัก 11 กิโลกรัม ไม่กล้าขึ้นบันไดบ้านซึ่งมีความชัน 45 องศา เตียงกับแคร่หน้าบ้าน ก็ไม่สามารถปีนขึ้นได้
- พลังงานไม่เพียงพอ เนื่องจากอาหารที่น้องชมพู่รับประทานเป็นมื้อสุดท้ายไม่สามารถให้พลังงานเพียงพอให้เดินไปถึงจุดพบศพได้
- ประสบการณ์ชาวบ้าน ได้ยืนยันว่าหากเด็กหลงทางจะสามารถไปถึงได้เพียงชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น
- กรณีศึกษา จากการหายตัวไปของชาวบ้านกกตูมซึ่งระยะทางไกลกว่าน้องชมพู่ ยังสามารถหาพบภายใน 1 คืน
- ผู้ชำนาญการยืนยัน แพทย์นิติเวชผู้ทำการผ่าชันสูตรซึ่งเดินจำลองเส้นทางแล้วยืนยันว่า ไม่น่าจะสามารถไปถึงจุดพบศพได้และกุมารแพทย์ยืนยันว่า พัฒนาการของน้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปถึงจุดพบศพเองได้
- สภาพศพ ตอนที่พบศพน้องชมพู่ สภาพเปลือยกาย ซึ่งน้องชมพู่ยังสวมและถอดเสื้อด้วยตนเองไม่ได้
- พยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบเส้นผมของน้องชมพู่ถูกตัดด้วยของมีคมด้านเดียว น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น
- นิสัยส่วนตัว น้องชมพู่กลัวป่าที่ทึบ ไม่กล้าเข้าในสวนยางพารา เคยเล่นแถวไร่มันสำปะหลังเท่านั้น
ถึงวันออกหมายจับ “ลุงพล” พร้อมตั้ง 3 ข้อหา
ศาลจังหวัดมุกดาหารออกหมายจับ ลุงพล เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564 หรืออีกเกือบ ๆ หนึ่งปีต่อมาตั้งแต่เกิดเหตุ โดยลุงพลถูกตั้งข้อหา 3 ข้อห้าด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร
ข้อหาที่ 2. ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และข้อที่ 3. กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ คดีที่ว่ามานั้นลุงพลได้ประกันตัวออกมา
30 มิ.ย.65 จนถึง 27 ต.ค.66 วันสุดท้ายนัดสืบพยาน
คดีนี้ ตำรวจสอบสวนปากคำพยานบุคคลและพยานผู้เกี่ยวข้อง โดยได้มีการสัมภาษณ์บุคคล จำนวน 384 ปาก
สอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก รวมถึงได้สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์และพยานผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ อีกจำนวน 31 ปาก ขณะที่คดีหากนับตั้งแต่วันที่เด็กหายตัวไป (11 ต.ค.63) จนถึงวันนี้ที่กระแสข่าวคดีลุงพล-น้องชมพู่ ถูกกระพือและนำกลับมาพูดถึงอีกครั้ง เนื่องจากศาลฯ เลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเมื่อช่วงสายวันนี้ (30 ต.ค.66)
เบ็ดเสร็จจึงเป็นเวลา 3 ปี 5 เดือน กับอีก 20 วัน ที่คดีนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า “ใครเป็นผู้กระทำผิด”.