ข่าวข่าวการเมือง

เศรษฐา ตอบกระทู้ถามสด ภารกิจเยือนต่างประเทศที่ผ่านมา ประเทศได้อะไรบ้าง ?

เศรษฐา ตอบหลัง อัครเดช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งกระทู้ถามสด ภารกิจการเยือนต่างประเทศที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรบ้าง

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบกระทู้ถามสดของ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งกระทู้สดถามนายเศรษฐา ถึงความสำเร็จการการเยือนต่างประเทศที่ผ่านมาว่าได้กระชับและสานสัมพันธ์กับผู้นำประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจคือประเทศจีน เพื่อขยายขอบเขตการค้าการลงทุนทั้งในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกร รวมถึงยังใช้โอกาสนี้พูดคุยกับผู้นำกลุ่มประเทศอาหรับเพื่อขอให้ช่วยเหลือตัวประกันคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลอีกด้วย

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ถามว่า ภารกิจการเยือนต่างประเทศที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรีนั้น ประเทศไทยได้ประโยชน์อะไรจากการเยือนดังกล่าว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตอบว่ากาเดินทางไปต่างประเทศช่วงดังกล่าวเป็นการเดินทางต่อเนื่องจากเดือนกันยายนที่ไปนิวยอร์คประชุม UNGA78 ซึ่งในฐานะผู้นำประเทศต้องไปเยือนผู้นำประเทศอาเซียน โดยเริ่มต้นไปที่ฮ่องกง บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซียและสิงคโปร์ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศจีนเพื่อประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางครั้งที่ 3 และการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ได้เริ่มต้นการเยือนฮ่องกงเป็นที่แรก พร้อมพบปะพูดคุยกับตัวแทนภาคธุรกิจเพื่อชวนเชิญมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งตัวแทนภาคธุรกิจฮ่องกงก็ประทับใจที่นายกรัฐมนตรีมาพูดคุยด้วยตนเองพร้อมรับปากจะมาลงทุนในไทย จากนั้น เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย เข้าพบสมเด็จพระราชาธิบดี และนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ได้พูดคุยเรื่องการค้าขายสินค้าเกษตรของไทย

รวมถึงพูดคุยเรื่องกองทุนสำคัญของมาเลเซียที่เขาสนใจมาขยายการลงทุนในไทยเพื่อความมั่นคงด้านการอาหาร โดยนายเศรษฐาได้เชิญเลขาธิการ กบข. เข้าร่วมประชุมเพื่อนำไปสานต่อได้

ส่วนเรื่องการค้านั้นถ้าเราสามารถสร้างทางคมนาคมและเปิดด่านชายแดนเชื่อมต่อกันให้มากขึ้น โดยมีการสร้างสะพานสุไหงโกลก ก็จะช่วยขยายการค้า รวมถึงการพูดคุยกับบริษัทผลิตรถยนต์ประจำชาติของมาเลเซีย ที่แสดงความจำนงขยายโรงงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งวาระต่อไปก็จะนำไปคุยกับประเทศจีนเพื่อต่อยอดการลงทุนได้

จากนั้น เดินทางไปสิงคโปร์ พบนายกรัฐมนตรี ลี เซียงลุง ก็ได้รับคำแนะนำตลอดจนการปรึกษากันเรื่องการทำการค้าขายร่วมกันในอนาคต ซึ่งก็เป็นไปด้วยดี

ส่วนการเดินทางไปประเทศจีน เพื่อร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางครั้งที่ 3 ก็เป็นการแสดงเจตจำนงว่าไทยยินดีที่จะร่วมมือพัฒนาสร้างสาธารณูปโภคและรถไฟฟ้าความเร็วสูง อีกทั้งยังได้พบกับผู้นำภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนหลายราย โดยทราบกันดีว่าจีนมาลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในไทย และการที่บ้านเราจะปรับให้เป็นรถยนต์อีวีก็ไปคุยสานต่อเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้จะได้มีการขยายโรงงานอย่างต่อเนื่อง และขยายงานให้คนไทย

นอกจากการพูดคุยเรื่องภาคอุตสาหกรรมแล้ว ยังพูดคุยเรื่องการค้าขายสินค้าเกษตรและเปิดตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น จากนั้นได้เดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (ASEAN-GCC Summit) ณ กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้พบกับมกุฏราชกุมารและนายกรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบีย พูดคุยเรื่องการค้าขายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงขอความช่วยเหลือช่วยเจรจาเพื่อนำตัวประกันชาวไทยในอิสราเอล ให้กลับมาได้อย่างปลอดภัยและยังได้คุยกับกษัตริย์โอมาน เพื่อขอให้เจรจาช่วยเหลือคนไทยที่เป็นตัวประกันในอิสราเอลอีกทางหนึ่งด้วย

ทั้งหมดนี้ คือการไปทำงานเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตามที่ได้แถลงไว้เป็นนโยบายไว้ในสภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน เพื่อไปประกาศว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมแล้วและเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะมาลงทุนในประเทศไทย.

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button