สูตรลัด รอยจ้ำแดงจากการจูบ ลบหายได้ไม่อายประชาชี
รอยจ้ำแดง ที่บางคนอาจเรียกกันว่า รอยจูบ หรือรอยดูดนั้น เกิดจากการถูกจูบหรือดูดบนผิวหนังแรง ๆ จนทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังแตกจนกลายเกิดเป็นแผลห้อเลือด ซึ่งเป็นการที่เลือดในหลอดเลือดไหลเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังนั่นเอง ที่นำไปสู่การเกิดเป็นรอยช้ำ รอยจ้ำ ปกติแล้วรอยจูบหรือรอยดูดจะมีสีออกชมพู สีแดง หรืออาจค่อนไปทางม่วง ในช่วงแรกอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย เมื่อกดลงไปในบริเวณดังกล่าว แต่หลังจากนั้นรอยจ้ำก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีไปเป็นสีเขียวและสีเหลือง ก่อนจะค่อย ๆ จางลงไปในที่สุด
โดยธรรมชาติแล้วรอยจ้ำแดงที่เกิดอาจการดูดเหล่านี้จะเลือนหายไปเองภายในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและอายุของแต่ละบุคคลด้วย ผู้ที่มีอายุมากส่งผลให้ผิวเสื่อมโทม มีความเหี่ยวย่น สูญเสียชั้นไขมันบางส่วนที่ทำหน้าที่เสมือนเกราะกันกระแทกของผิวหนังไป จึงทำให้มีโอกาสเกิดรอยจูบได้ง่าย แต่กลับกันจะใช้เวลานานในการลบเลือน แตกต่างจากผู้ที่อายุน้อยกว่า อีกทั้งปัจจัยทางเพศก็เกี่ยวข้องกับแนวโน้มที่จะเกิดรอยจ้ำแดง รอยจูบ ได้ง่ายกว่าเพศชาย
วิธีลบรอยจ้ำแดง รอยจูบด้วยสิ่งง่าย ๆ รอบตัวคุณ
อย่างไรก็ดี หากต้องการลบเลือนรอยจูบในเวลาอันรวดเร็วก็สามารถทำได้โดยทำตามขั้นตอนเหล่านี้
1. ประคบเย็น
การประคบเย็นเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีในการลดอาการบวมของรอยช้ำที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ เนื่องจากความเย็นจะทำให้เลือดจากการถูกดูดไหลไปสู่ผิวหนังได้ช้าลง ในช่วง 2 วันแรก ควรประคบเย็นที่รอยจูบอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที ด้วยถุงน้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น หรือช้อนโลหะแช่เย็นตามความสะดวก
2. ประคบร้อน
ตั้งแต่วันที่ 3 หลังจากประคบเย็นควรเปลี่ยนมาประคบร้อนแทน โดยใช้ผ้าชุบน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นรอยจูบ วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาทีเช่นกัน เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้น ทั้งนี้การอาศัยการนวดเบา ๆ บริเวณรอยจ้ำร่วมด้วย
3. การทาสับปะรด
ด้วยเหตุที่สับปะรดอุดมไปด้วย โบรมีเลน (Bromelain) ซึ่งเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการลดอาการเจ็บปวด และเมื่อนำมาทาที่ผิวหนังก็จะช่วยลดอาการอักเสบและอาการบวมตามผิวหนังได้ สามารถทำได้โดยฝานสับปะรดเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำมาทาที่รอยช้ำ วันละ 4-5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 5 นาที แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังเพราะสับปะรดมีความเป็นกรดสูง
4. การทาว่านหางจระเข้
5. การทาน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์
เมนทอลที่อยู่ในน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะทำให้รอยจ้ำแดงจางลงเร็วขึ้น แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง ควรใช้น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ผสมกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันโจโจ้บา ในสัดส่วนที่น้อยมาก ๆ แต่หากไม่สามารถหาซื้อน้ำมันหอมระเหยนี้ได้ก็สามารถใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเปปเปอร์มินต์หรือสะระแหน่ทดแทนได้
6. การทาเปลือกกล้วย
เปลือกกล้วยนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและสารประกอบฟีนอลที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการดูแลผิวที่ถูกทำลาย อีกทั้งยังสามารถลดอาการระคายเคืองและรอยช้ำได้ด้วย สามารถทำได้โดยการนำเปลือกกล้วยสุกมาถูบริเวณรอยจำแดงเป็นเวลา 30 นาที ควรทำซ้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
7. การทาครีมวิตามินซี
อย่างที่ทราบกันดีว่าวิตามินซี มีสรรพคุณช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและดูเรียบเนียน ด้วบคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย การทาครีมวิตามินซีจึงช่วยให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น รอยจ้ำแดงแลดูลดเลือน
8. การใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
การใช้เครื่องสำอางเป็นตัวช่วยที่รวดเร็วทันใจที่สุด ด้วยคุณสมบัติของเครื่องสำอางที่สามารถปกปิดหรือกลบร่องรอยไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ บนใบหน้า การนำเครื่องสำอางเหล่านั้นมาใช้ในยามจำเป็นเช่นนี้จึงเป็นอีกแนวทางที่ไม่ควรพลาด อย่างไรก็ดีพิจารณาการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวบริเวณนั้นให้มากที่สุด
เพียงทำตามเคล็บลับง่าย ๆ ปัญหากวนใจที่เกิดจากความพลั้งเผลอก็สามารถแก้ไขให้หมดไปได้ ที่ไม่ว่าจะรอยจ้ำแดง รอยจูบ รอยดูดหรืออะไรก็ตามที่คู่ของคุณตีตราไว้ ก็จะเลือนหายเป็นปลิดทิ้ง