แฟนบอลอาลัย เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานแมนยูฯ เสียชีวิตด้วยวัย 86 ปี
เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ เสียชีวิตด้วยวัย 86 ปี หลังถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม ประธานสมาคมฟุตบอล พร้อมนักฟุตบอลอังกฤษร่วมไว้อาลัย
แฟน ๆ ลูกหนังโดยเฉพาะแฟนบอลสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United Football Club) สุดอาลัย วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศรายงานว่า เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Sir Bobby Charlton) อดีตนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ เสียชีวิตแล้วในวัย 86 ปี ตามประกาศของครอบครัว
หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเซอร์ บ็อบบี้ มีคำแถลงการณ์ในนามครอบครัวออกมาว่า บุคคลสำคัญของทีมฟุตบอลอังกฟษ ได้เสียชีวิตอย่างสงบในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับขอบคุณทุกคนที่รักและสนับสนุนเซอร์ บ็อบบี้มาโดยตลอด และขอให้เคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัวในช่วงเวลาสูญเสีย
ก่อนหน้านี้ชาร์ลตันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม และออกมาประกาศในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ช่วงสองวันหลังจากที่ น็อบบี้ สไตล์ส ตำนานแมนยู และเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษของเขา เสียชีวิตหลังจากการต่อสู้กับอาการป่วย
ประวัติชีวิตส่วนตัว เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2480 ที่แอชชิงตัน เขาลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศร่วมกับแจ็คน้องชายของเขา ซึ่งเสียชีวิตในวัย 85 ปี เมื่อ พ.ศ. 2563
เขาเปิดตัวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในปี 1956 และลงเล่นให้กว่า 758 นัด ยิงได้ 249 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสโมสรที่ยาวนานจนกระทั่งถูกไรอัน กิ๊กส์ และเวย์น รูนีย์ แซงหน้าตามลำดับ
ชาร์ลตันคือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากโศกนาฎกรรมเครื่องบินตกมิวนิค เมื่อปี 1958 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทีมผีแดงสูญเสียกำลังสำคัญในการลงสนามไปถึง 8 ราย
เซอร์ บ็อบบี้คว้าแชมป์ลีกสามรายการ และเอฟเอคัพหนึ่งรายการที่โอลด์แทรฟฟอร์ด และหลังจากออกจากแมนยูฯ ในปี 1973 หลังอยู่มานานกว่า 17 ปี และมาเป็นผู้จัดการทีมเพรสตัน เขาก็กลับมาที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในอีก 11 ปีต่อมา ในตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสร โดยเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัศวินจากการให้บริการด้านฟุตบอลในปี 1994
นอกจากนี้ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตันเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมอังกฤษที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1966 จากการทำประตูไดเ 3 ครั้ง และยังประสบความสำเร็จในระดับสโมสรกับยูไนเต็ด ซึ่งกลายเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่คว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพในปี 1968 โดยเขาติดทีมชาติอังกฤษไป 106 นัด ยิงไป 49 ประตู
อย่างไรก็ตาม เขาลงประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษในการพบกับสกอตแลนด์ที่แฮมป์เดน พาร์ก ในเดือนเมษายน ปี 1958 สองเดือนหลังจากที่เขารอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมทางอากาศที่มิวนิก แต่เขาไม่ได้ถูกเลือกให้ติดทีมชาติอังกฤษชุดฟุตบอลโลกปี 1958 ในช่วงซัมเมอร์ แต่ได้เล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ในปี 1962, 1966 และ 1970
จากผลงานความสำเร็จ และในฐานะอดีตสมาชิกทีมฟุตบอลของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทางสโมสรได้แสดงความอาลัยต่อการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน โดยระบุว่า “เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเรา
เซอร์ บ็อบบี้เป็นฮีโร่ของผู้คนนับล้าน ไม่ใช่แค่ในแมนเชสเตอร์หรือสหราชอาณาจักร แต่ทุกที่ที่มีการแข่งขันฟุตบอลทั่วโลก เขาได้รับการชื่นชมอย่างมากในเรื่องน้ำใจนักกีฬาและความซื่อสัตย์พอ ๆ กับคุณสมบัติที่โดดเด่นของเขาในฐานะนักฟุตบอล และเขาจะถูกจดจำในฐานะยักษ์ใหญ่แห่งเกมตลอดไป
หลังเกษียณ เขาก็รับใช้สโมสรด้วยความโดดเด่นในฐานะผู้อำนวยการมาเป็นเวลา 39 ปี บันทึกความสำเร็จ อุปนิสัย และการบริการที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขาจะถูกจารึกไว้ตลอดไปในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และฟุตบอลอังกฤษ รวมถึงมรดกของเขาจะคงอยู่ต่อไปผ่านผลงานที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของมูลนิธิเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ทางสโมสรขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเลดี้ นอร์มา ภรรยาของเขา ลูกสาวและหลานของเขา และทุกคนที่รักเขา”
ด้านเอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมแมนยูฯ กล่าวถึงชาร์ลตันว่า “เขาเป็นตำนานและยักษ์ใหญ่ ในขณะที่เขาแสดงความเคารพต่อตนเองหลังจากทีมของเขาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 อีกทั้งความสำเร็จของเขายิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่แค่ในอังกฤษเท่านั้น แม้ตนเองจะไม่เคยพบเจอ แต่ก็ได้ยินมาว่าเป็นคนที่ถ่อมตัว ทั้งที่มีผลงานและถ้วยรางวัลมากมายขนาดนั้น ถือเป็นตัวอย่างสำหรับเราทุกคนในฐานะนักฟุตบอลและในสังคมด้วย”
นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของเขาผ่านแอปพลิเคชัน X โดยระบุว่า “พรีเมียร์ลีกรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ได้ยินข่าวการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน หนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเซอร์ บ็อบบี้ และทุกคนที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด”
ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ได้โพสต์ข้อความผ่าน X เช่นเดียวกัน โดยระบุว่า “เราทราบข่าวการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 1966 ของเรา คุณเป็นตำนานที่แท้จริงของเรา เราจะไม่ลืมคุณเซอร์ บ็อบบี้”
เจ้าชายวิลเลียม ประธานสมาคมฟุตบอล ทรงไว้อาลัยชาร์ลตันทางโซเชียลมีเดียเช่นกัน รวมถึงแกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษกล่าวเสริมว่า “เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของเรา อิทธิพลของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ต่อชัยชนะในฟุตบอลโลกนัดเดียวของเรานั้นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน
โลกแห่งฟุตบอลต่างเศร้าเสียใจที่สูญเสียตำนานฟุตบอลทีมชาติอังกฤษไป และอังกฤษจะไว้อาลัยให้กับชาร์ลตันในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปรอบคัดเลือกกับมอลตาที่เวมบลีย์ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน
ด้านจานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า (FIFA) ได้ออกมาโพสต์แสดงความเสียใจเช่นกัน โดยระบุว่า “ในนามของฟีฟ่าและครอบครัวฟุตบอลระดับโลก เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และแสดงความเสียใจกับการสูญเสียหนึ่งในทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ของอังกฤษและเป็นตำนานฟุตบอล ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกมมาหลายชั่วอายุคน”
นอกจากนี้ ฮิลารี อีแวนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Alzheimer’s Research UK กล่าวว่า “เราขอส่งความคิดถึงเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลต์ ครอบครัวและทุกคนที่รักเขา เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งที่ปีสุดท้ายของเซอร์บ็อบบี้ถูกทำลายด้วยภาวะสมองเสื่อม แต่น่าเสียดายที่เป็นกรณีนี้สำหรับคนเกือบหนึ่งล้านคนในสหราชอาณาจักรในปัจจุบัน และปัจจุบันกำลังหาทางรักษาโรคนี้อยู่
ไม่เพียงแต่เหล่าบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอลอังกฤษเท่านั้น นักฟุตบอลอังกฤษต่างออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ โดยเวย์น รูนี่ย์ ผู้ทำลายสถิติการทำประตูของชาร์ลตันทั้งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและอังกฤษ ระบุว่า เขาได้ยินข่าวเศร้าระหว่างเกมแชมเปี้ยนชิป ระหว่างมิดเดิลสโบรห์กับเบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่ริเวอร์ไซด์
เวย์น รูนี่ย์กล่าวว่า “บ็อบบี้ดีกับผมเสมอ เรามีบทสนทนามากมายเกี่ยวกับฟุตบอลและชีวิต เขาเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แค่สำหรับผม แต่สำหรับผู้เล่นหลายคนที่เคยเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อีกทั้งเขาเป็นคนแรกที่แสดงความยินดีตอนที่ทำลายสถิติได้ เขาเข้ามาหลังเกมกับภรรยา และกล่าวแสดงความยินดี”
ด้านไมเคิล คาร์ริค ผู้จัดการทีมมิดเดิลสโบรช์ อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกล่าวว่า “ความทรงจำหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการครบรอบ 50 ปีของมิวนิค เขาเข้ามาในสนามฝึกซ้อมและพูดคุยกับเราเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ นั่นคือ 45 นาทีที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย”
เฮิร์สต์ผู้ทำแฮตทริกในชัยชนะที่เวมบลีย์ 4-2 ออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ด้วยเช่นกัน โดยบุคคลสำคัญหลายท่านมองว่า เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นตำนานฟุตบอลทีมชาติอังกฤษอย่างแท้จริง การจากไปครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่แฟน ๆ นักฟุตบอลอังกฤษจะไม่มีวันลืม
อ้างอิง : bein sports