อุทาหรณ์เตือนใจ ‘กะทิ หิ้วหวี’ แชร์ประสบการณ์ผ่าไส้ติ่งอักเสบ ค่าใช้จ่ายกว่า 1.9 แสน ตัวแทนบอกเคลมได้ แต่ถึงเวลาแจ้งว่าเคลมไม่ได้ บอกให้สำรองจ่ายไปก่อน
กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าแข่งกับอากาศเมืองไทยไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่อินฟลูเอนเซอร์สาว ‘กะทิ กะยา ขันทอง’ หรือ ‘กะทิ หิ้วหวี’ เจ้าของตำแหน่ง Miss Keemao 2023 (มิสขี้เมา) ได้ออกมาทำคลิปรีวิวบริษัทประกันแห่งหนึ่ง พร้อมกับแชร์อุทาหรณ์ผ่าไส้ติ่ง แต่กลับเคลมประกันไม่ได้ ต้องสำรองจ่ายจนกลายเป็นหนี้หลักแสน
จุดเริ่มต้นดราม่าครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อ กะทิ กะทิยา ได้ออกมาโพสต์คลิปผ่านทางช่อง TikTok ส่วนตัว @katiya เล่าถึงประสบการณ์ซื้อประกันจากบริษัทดังแห่งหนึ่ง เธอเล่าว่า “กะทิป่วยเป็นไส้ติ่ง มีอาการบวม ถ้าปล่อยไส้ติ่งไว้นานจะอักเสบกว่านี้จึงไปรักษาและทำการผ่าตัด ซึ่งที่ผ่านมากะทิซื้อประกันของบริษัทหนึ่งมา 7 เดือน เบี้ยประกันอยู่ที่ 6 ล้านบาท จ่ายเบี้ยประกันปีละประมาณ 36,000-37,000 บาท”
“ก่อนหน้านี้ในวันที่ 3 กันยายน 2566 กะทิมีอาการเท้าบวมซึ่งแพทย์ก็ระบุว่า เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่ใช้เท่าบ่อยและใส่ส้นสูงทุกวัน ทางกะทิก็ส่งบัตรประกันไปและสำรองจ่ายเงินตามปกติ ค่ารักษาครั้งนั้นประมาณ 2,000 บาท เพราะมันเป็นเคสฉุกเฉิน กะทิก็เข้าใจ”
“ล่าสุด กะทิป่วยเป็นไส้ติ่ง เมื่อถามตัวแทนประกันก็บอกว่าไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถเข้าแอดมิดได้เพราะการเป็นไส้ติ่ง ไม่ใช่โรคติดต่อ การเป็นไส้ติ่งคล้ายกับอุบัติเหตุที่อยู่ ๆ ก็เป็นได้ มันจะเป็นตอนไหนก็ไม่รู้ ไส้ติ่งจึงจำเป็นต้องผ่าเลย เพราะอันตรายมาก ไส้ติ่งแตกอาจเสียชีวิตได้”
หลังจากที่สาวกะทิรักษาตัวเสร็จ ทางประกันส่งข้อความมาหากะทิในวันที่เธอออกจากโรงพยาบาลว่า “ทั้งนี้การอนุมัติสินไหมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ และคววามจำเป็นของแพทย์ ด้วยความห่วงใย”
ต่อมาทางบริษัทประกันส่งข้อความมาว่า “ไม่สามารถเคลมได้ กรุณาถามรายละเอียดได้ที่จุดบริการโรงพยาบาล” เธอจึงถามตัวแทนถึงสาเหตุที่เคลมประกันไม่ได้ ทางตัวแทนได้ตอบกลับมาว่า “ต้องดูประวัติการตรวจสุขภาพก่อน” ทำให้กะทิมีคำถามว่า ทำไมทางบริษัทประกันจะต้องตรวจสอบ
บริษัทประกันให้เหตุผลกลับมาว่า “ครั้งแรกที่กะทิเท้าบวม ทางบริษัทสงสัยว่าสาเหตุเกิดจากอะไรเลยต้องขอประวัติการรักษาทั้งหมด เพื่อดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร กะทิเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเท้าบวม แต่กรณีนี้ที่เธอป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่ง มันเกี่ยวอะไรกับเท้าบวม ถึงไม่สามารถเคลมได้” ทางบริษัทตอบกลับมาว่า “ต้องพิจารณาอันแรกก่อน อันที่สองถึงจะตามมา”
เมื่อบริษัทประกันตอบกลับมาแบบนี้ ทำเอาสาวกะทิงงเลยทีเดียว เธอจึงเล่าให้ฟังว่า “กะทิเกิดคำถามว่า หากกะทิประสบอุบัติเหตุรถชนเป็นเคสที่สาม ทางบริษัทประกันต้องรอประวัติอะไรอีกหรือไม่ ทางประกันให้กะทิสำรองจ่ายเงินไปก่อน ซึ่งค่ารักษาพยาบาลเกือบ 184,610 บาท มันทำให้กะทิตั้งคำถามว่า หากต้องสำรองจ่ายก่อนแล้วจะซื้อประกันไปเพื่ออะไรและถ้าไม่จ่ายก็ไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้หรอ”
หลังจากที่สาวกะทิได้โทรไปถามรายละเอียด ทางคอลเซ็นเตอร์ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า “เหมือนที่แจ้งไปค่ะ ต้องรอประวัติการรักษาจากแพทย์ค่ะ” และทางคอลเซ็นเตอร์บริการได้แย่มาก ไม่มีคำขอโทษสักคำ เมื่อถามว่าถ้าคนไม่มีเงินจะให้ทำอย่างไรก็บอกให้กะทิไปคุยกับโรงพยาบาลเอง ทางบริษัทปัดความรับผิดชอบหมดเลย
กะทิได้เผยอีกว่า “แล้วที่ซื้อประกัน ซื้อไปเพื่ออะไร ถ้ารู้ว่าเคลมไม่ได้ เราจะได้แก้ไขตั้งแต่แรก รู้สึกเฟลมาก ทางการเงินของโรงพยาบาลก็งงเช่นกันว่า ทำไมถึงเคลมไม่ได้เพราะผู้ป่วยทุกรายสามารถเคลมได้ ตัวแทนประกันแจ้งกะทิกลับมาอีกครั้งว่า หากไม่ติดอะไร ได้เงินคืนหมดแน่นอน แต่ขอให้รอก่อน แล้วถ้าเคลมไม่ได้ต้องทำอย่างไร กะทิต้องเป็นหนี้และเดือดร้อน”
“กะทิต้องไปยืมเงินพี่นัทนิสามาจ่ายค่ารักษา เพื่อให้ตัวเองออกจากโรงพยาบาล ยังไงก็ฝากไว้ให้ทุกคนพิจารณาและอ่านรายละเอียดการทำประกันดี ๆ นะคะ”
@gangkati มา รีวิวประกันมาละ Ep.1 แบบยาวหน่อย #กะทิยา #กะทิmvp #โตเกียวมารีนประกันชีวิต
