‘หยก-บุ้ง’ ปะทะตำรวจศาล ถูกตีแขนเลือดอาบ ด้านศาลชี้แจงแล้ว (คลิป)
หยก และ บุ้ง ทะลุวัง ปะทะตำรวจศาล ถูกไม้ตีแขนเลือดอาบ ด้านศาลชี้แจง บุ้ง เป็นฝ่ายเตะและรังแกเจ้าหน้าที่ของทางศาลก่อน
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา เกิดเหตุวุ่นวายหลังจากที่ หยก และ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม สองสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ จนทำให้บุ้งเลือดไหล หลังจากที่ หยกพยายามเข้าไปหา นายสหรัฐ หรือ โฟล์ค ผู้ต้องหาคดี ม.112 ระหว่างถูกส่งไปยังห้องควบคุมตัว
โดยทางหยกเล่าผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตนไปฟังคำพิพากษาคดีอาญามาตรา 112 พี่โฟล์ค ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี พอพี่เขาถูกส่งไปยังห้องควบคุมตัว หนูไปตะโกนเรียกชื่อพยายามคุยกับพี่เขา เจ้าหน้าที่ไม่พอใจการกระทำหนู หนูเลยรีบคุยจนจะกลับออกมาแล้วแต่เจ้าหน้าที่มาแตะตัวหนู พี่บุ้งเข้ามากันไม่ให้เขาทำ จากนั้นมาจนถึงหน้าศาลได้เกิดเหตุถกเถียงกับเจ้าหน้าที่
เขาตีพี่บุ้งด้วยไม้ พี่บุ้งยกศอกขึ้นกันทำให้ไม่โดนหน้าโดนหัว แขนพี่บุ้งเลือดไหล ต่อมาเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าจะให้ศาลดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาลกับทำร้ายเจ้าหน้าที่กับพี่บุ้งและหยกและอ้างว่ามีอำนาจทุกอย่างในศาลนี้ เขาพูดว่าในตอนนี้ได้แจ้งศาลแล้ว
ทางที่หนูปีนนั้นเป็นเพียงหน้าต่างคุยกัน ขณะที่คุยกันอยู่มีตร.ศาลมา เขาได้ขู่แจ้งละเมิดอำนาจศาลกับหนู ด้วยนิสัยของหนูที่ไม่ชอบไม่ต้องการให้มาขู่ จึงได้พูดตอบโต้ไปด้วยถ้อยคำประมาณว่า ไม่ต้องขู่ อยากแจ้งแจ้งเลย ถ้าจะฟ้องฟ้องเลย จากนั้นเขาจึงเริ่มมาจับตัวเรา พี่บุ้งที่อยู่บริเวณนอกรั้วจึงพยายามที่จะกั้นเขา จากนั้นเรื่องก็ชุลมุน ตำรวจศาลคนนั้นไม่ยอมบอกชื่อ
สุดท้ายนี้ขอฝากถึงสำนักงานศาลยุติธรรม คุณจะบิดปากกายังไงก็ได้ แต่คุณปิดความจริงไม่ได้หรอก และทุกอย่างที่เผยแพร่ถ้าเป็นธรรมกับทุกคนต้องเป็นคลิปตั้งแต่ในศาลครบทั้งเหตุการณ์ เรื่องที่ศาลเล่าก็ไม่ตรงเพราะเราขอพบผู้บริหารแต่ที่เจ้าหน้าที่มาเชิญเราคือจะเชิญเราขึ้นบัลลังก์เพื่อให้ศาลไต่สวนละเมิดอำนาจศาลเรา
ขณะที่ทางสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า วันนี้มีการพิจารณาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จากนั้นมีเยาวชนหญิงได้ปีนรั้วเข้ามาในบริเวณศาลอาญากรุงเทพใต้ ทั้งที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ได้ปิดประตูรั้วหรือห้ามผู้มาติดต่อราชการเข้าแต่อย่างใดและขณะเวลาเกิดเหตุประชาชนก็ยังเข้ามาใช้บริการได้ตามปกติ
เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้น เจ้าพนักงานตำรวจศาลซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการในขณะนั้น เห็นเหตุการณ์และได้เข้าห้ามปราม เพื่อไม่ให้ปีนรั้วเข้ามา จึงถูกบุคคลหนึ่งที่มาพร้อมกับพวกรวม 4 คน เข้ากระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาล จากนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เดินเข้ามาและด่าทอเจ้าหน้าที่ขณะยืนโทรศัพท์รายงานเหตุการณ์และโทรแจ้งตำรวจท้องที่ให้เข้ามาควบคุมสถานการณ์
ต่อมาบุคคลที่ได้กระชากคอเสื้อเจ้าพนักงานตำรวจศาลก่อนหน้านั้น ได้เดินเข้ามาผลักหน้าอกเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงเดินถอยออกและพูดห้ามปรามตามยุทธวิธีปฏิบัติหลายครั้ง แต่บุคคลดังกล่าวยังเดินเข้ามาเตะเจ้าพนักงานตำรวจศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองขู่ แต่ก็ไม่หยุดและยังเดินเข้าหาเจ้าพนักงานตำรวจศาลจึงใช้กระบองตีเพื่อระงับเหตุและป้องกันตัว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ กลุ่มบุคคลทั้งหมดขอพบผู้บริหารศาล ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ ว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่าจะไปทำแผล และเดินออกไปจากศาลทั้งหมด ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจท้องที่เห็นว่าเป็นสิทธิที่จะไปรักษาตัวจึงมิได้ห้ามปรามและขัดขวางแต่อย่างใด
สำนักงานศาลยุติธรรมขอเรียนเพิ่มเติมว่า เจ้าพนักงานตำรวจศาลมีหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล ตามหลักสากล เพื่อให้การดำเนินงานของศาลสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนทุกคนได้สมดังเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไปจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดกล้องวงจรปิดในบริเวณศาลสามารถบันทึกไว้ได้