‘แหวนอัศวิน’ เกียรติยศของตำรวจ ความภาคภูมิใจผู้พิทักษ์สันราษฎร์
ทำความรู้จัก แหวนอัศวิน รางวัลที่มอบให้แก่ตำรวจน้ำดี ความภาคภูมิใจอันสูงสุดของผู้ทำหน้าที่พิทักษ์สันติภาพของประชาชน
สืบเนื่องจากกรณีเยาวชนอายุ 14 ใช้ปืนกราดยิงผู้บริสุทธิ์ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย โดยในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ ร้อยตำรวจเอก ธัญอมร หนูนารถ รองสารวัตรสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ รองสารวัตรปราบปรามสถานีตำรวจนครบาลเขตปทุมวัน เข้าจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้
ด้วยผลงานความมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการตำรวจ และสร้างคุณงามความดีให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดพิธีมอบ “แหวนอัศวิน” เพื่อยกย่องในฐานะที่ปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจด้วยจิตวิญญาณแห่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และเป็นการสืบต่อประเพณีสร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าตำรวจน้ำดีอีกด้วย
ที่มา ‘แหวนอัศวิน’ ที่สุดแห่งความภูมิใจในชุดสีกากี
สำหรับประวัติและที่มาของแหวนอัศวินนั้น เกิดขึ้นในยุคของ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ต้องการจะมอบรางวัลให้แก่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงตายด้วยความกล้าหาญหลายต่อหลายครั้ง จึงได้มอบแหวนทองลงยาทีมีหัวแหวนเป็นตราหน้าหมวกตำรวจสีแดง พร้อมตั้งชื่อว่าแหวนอัศวิน
ทั้งนี้ ตามประเพณีดั้งเดิมของอธิบดีเผ่าฯ ตำรวจที่ได้รับมอบแหวนอัศวินต้องสวมแหวนติดตัวไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะถูกยึดคืน โดยหลังจากที่มีตำรวจหลายนายได้รับมอบแหวนอัสวินเนื่องจากกระทำคุณงามความดีในฐานะตำรวจแล้ว อธิบดีเผ่าฯ ก็มีความคิดที่อยากจะมอบแหวนอัศวินในรูปแบบใหม่เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้แก่นายตำรวจที่ทำงานเสี่ยงชีวิต
ดังนั้นจึงมีการนำเพชรมาติดที่หัวแหวน โดยผู้ที่ได้รับแหวนอัศวินแบบยกระดับแล้วจะถูกเรียกว่า “อัศวินแหวนเพชร” ซึ่งมีตำรวจคนสนิทของอธิบดีเผ่าฯ จำนวน 4 คน ที่ได้เป็นอัศวินแหวนเพชร หลังจากนั้นก็มีนายตำรวจอีกเพียง 13 นาย ที่ทำงานเอาชีวิตเข้าแลกและได้รับตำแหน่งอัศวินแหวนเพชรเช่นกัน โดยอธิบดีเผ่าฯ ถือเอาเลข 13 เป็นมงคล เนื่องจากวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันตำรวจ
ในปัจจุบัน พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องการที่จะรื้อฟื้นประเพณีอันดีงามนี้ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพื่อสร้างกำลังใจให้เหล่านายตำรวจไม่ว่าจะยศใด สังกัดไหน หากปฏิบัติหน้าที่สมกับที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็สมควรจะได้รับการยกย่องอย่างเท่าเทียมกัน
ภาพและข้อมูลจาก : policemuseum