ข่าวภูมิภาค

ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ มูลค่าความเสียหายประมาณ 20 ล้าน

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (30มิ.ย.) ร.ต.ท.หญิงสิรินยา คล้ายสมบัติ รองสว.(สอบสวน) สภ.วิชิต ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุ สภ.วิชิตว่า มีเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตและเก็บเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้ ตั้งอยู่เลขที่ 51/27 ม.2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต (ตั้งอยู่หลังซุปเปอร์ชิปเจ้าฟ้าตะวันตก) จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และมี เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลวิชิต เทศบาลตำบลฉลอง เทศบาลตำบลราไวย์ เทศบาลตำบลรัษฎา เทศบาลเมืองกะทู้ เทศบาลเมืองป่าตอง อบจ.ภูเก็ต และทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมรถดับเพลิงและรถน้ำกว่า15 คันรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในซอยดังกล่าว เห็นประชาชนและคนงานวิ่งหนีกันอย่างอลมาน พบไฟกำลังรุกไหม้โรงงานผลิตและเก็บเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้ประมาณ 4 ชั้น ซึ่งลักษณะของโรงงานเป็นโครงสร้างเหล็ก แต่ผนังและหลังคาโรงงานมุงด้วยสังกะสี ยาวประมาณ 120 เมตร กว้างประมาณ 25 เมตร อย่างรวดเร็วและไฟโหมอย่างหนัก ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งฉีดนำ้สกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดบ้านของชาวบ้าน แต่การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากภายในโรงงานมีที่เก็บวัสดุไวไฟ เช่น ทินเนอร์ สี ไม้อัด สำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตเสร็จแล้ว และเศษไม้ เศษเลื่อยต่างๆ ซึ่งง่ายต่อการติดไฟ และมีลมกรรโชกแรงเช่นเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ฉีดนำ้ควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของชาวบ้านโดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น โรงงานดังกล่าวถูเพลิงเผาวอด ทรัพย์ที่อยู่ภายในเสียหายทั้งหมด

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า โรงงานดังกล่าวเป็นของบริษัทพีเค อินเตอร์พาร์ค จำกัด มีนาย วรพันธ์ สุวรรณเชาวลิต เป็นเจ้าของกิจการ โรงงานดังกล่าวคนงานประมาณ 100 คน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ภายในโรงงานเป็นแหล่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม่มีคนพักอาศัยอยู่ คนงานจะพักอยู่ด้านนอกโรงงาน โดยวันจันทร์ – ศุกร์ คนงานจะทำงานทั้งวัน แต่วันเสาร์จะทำงานครึ่งวัน

และจากการสอบถามชาวบ้านบริเวณที่เกิดเหตุกล่าวว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุเห็นคนงานมาทำงานตามปกติ และขณะเกิดเหตุไฟไหม้ คนงานได้วิ่งหลบหนีตายออกมาจากภายในโรงงานกันอย่างอลมาน และเห็นต้นเพลิงลุกไหม้มาจากบริเวณห้องเก็บสต๊อกสินค้า(ทินเนอร์)และอุปกรณ์ในการทำงานซึ่งอยู่ชั้นบน และได้มีการตะโกนบอกว่า ไฟไหม้คนงานทุกคนจึงได้วิ่งกันออกมาทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุภายหลังเมื่อเพลิงสงบแล้ว เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ขณะที่ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบ และร่วมอำนวยการสั่งการเพิ่มเติมหลังจากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายส่วนทั้งหน่วยงานระดับจังหวัด ระดับท้องถิ่นและเอกชนได้ใช้ความพยายามควบคุมเพลิง นานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ก็ยังคงลุกไหม้อีกในบางจุดและเจ้าหน้าที่ยังคงฉีดน้ำเลี้ยงต่อไปอีกเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ได้เข้าพูดคุยให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบด้วย

นายถาวรวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเข้าไปปรับเคลียร์พื้นที่หลังจากเราสามารถดับเพลิงได้ทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าไฟดับสนิทจริงๆ จะไม่มีการปะทุของเชื้อเพลิงขึ้นมาอีก ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานดับเพลิงทั้งในส่วนของภาครัฐหน่วยงานท้องถิ่น และของเอกชน สนับสนุนรถดับเพลิงประมาณ 21 คันเข้ามาร่วมกันดับเพลิง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจึงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ส่วนความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ และสอบสวนหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ โดยภายในโรงงานดังกล่าว จะมีทั้งไม้และเฟอร์นิเจอร์ที่สำเร็จแล้ว รอส่งให้กับลูกค้าที่สั่งทำ ซึ่งเป็นโรงแรมส่วนใหญ่ กับอีกส่วนหนึ่งเป็นไม้ที่สั่งเข้ามา ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

สำหรับโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์แห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงงานที่ขออนุญาตถูกต้อง จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า มีการติดตั้งถังดับเพลิงภายในโรงงานน้อยมาก มีคนงานประมาณ 100 คน และเศษฝุ่นของไม้ก็อันตรายมาก ตรงนี้ที่เรากังวลเพราะฉะนั้น ระบบการควบคุมภายในจะต้องเข้มงวดจริงๆ เพราะว่า โรงงานประเภทนี้ เจ้าของจะต้องมีระบบการควบคุมภายในที่เข้มงวด และจากรายงานทราบว่า พื้นที่โรงงานแห่งนี้เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มา 3 ครั้งแล้ว ก็สุ่มเสี่ยง แต่ก็โชคดีที่ไม่มีคนบาดเจ็บ

ส่วนมูลค่าความเสียหาย จากการสอบถามเจ้าของโรงงาน มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 20 ล้านบาทในเบื้องต้น เป็นค่าของไม้ที่มาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่ที่เขากังวลคืองานที่รับมา ซึ่งจะรอส่งลูกค้า ค่าของงานจะต้องถูกปรับ เขามีความกังวลในส่วนนี้ส่วนสาเหตุทางเจ้าของคาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ว่าจะเกิดจากส่วนไหน ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทางโรงงานจะได้รับใบอนุญาตถูกต้อง แต่ถ้าเกิดความบกพร่อง อาจจะต้องไปพิจารณาเรื่องของการเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button