ข่าวข่าวต่างประเทศ

เศรษฐีตกอับ หอบลูกป่วยขับแท็กซี่ ขอโทษผู้โดยสารพันครั้ง กลัวโดนแบน

พ่อสุดประเสริฐพาลูกป่วยอัมพาตขับแท็กซี่ แต่ถูกร้องเรียนจนโดนแบน 3 วัน ขอโทษผู้โดยสารเป็นพันครั้งก็ยอม วอนคนเข้าใจต้องหาเงินรักษาลูก ไม่สบายใจสามารถกดยกเลิกได้ แต่ได้โปรดอย่าแบนเลย

สื่อออนไลน์จีน sinchew เล่าเรื่องราวสุดน่าสงสารของ อี้เหอผิง ชายวัย 53 ปีจากเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ปัจจุบันเป็น เศรษฐีตกอับ ผันตัวทำอาชีพคนขับแท็กซี่ โดยเขาต้องกล่าวคำขอโทษผู้โดยสารเกือบ 1,800 ครั้ง ตลอดเวลากว่า 3 เดือน สืบเนื่องจากเขาพาลูกชายป่วยสมองโรคหลอดเลือดสมองวัย 25 ปี นั่งที่เบาะข้างคนขับมาทำงานกับเขาด้วยทุกวัน

ทางด้านของพ่อผู้ทำงานหนักคนนี้ มักจะรีบกล่าวคำขอโทษตั้งแต่ผู้โดยสารขึ้นมาบนรถทุกครั้ง หลังเคยถูกแบนไม่ให้ขับรถอยู่ 3 วันจนขาดรายได้มหาศาล เหตุลูกชายอัมพาตของเขาส่งเสียง “อ๊า ๆ” เป็นระยะเพื่อทักทายลูกค้าที่ขึ้นมาแต่ดันถูกมองว่าน่ารำคาญ

อดีตเศรษฐีดูแลลูกชายป่วยขณะขับรถแท็กซี่ ไม่มีใครดูแลลูก
ภาพจาก : sinchew

“ขออภัยด้วยครับ คนที่นั่งข้างคนขับผมคือลูกชายผมเอง เนื่องจากเขามีอาการป่วยอย่างที่เห็น ทั้งนี้คุณผู้โดยสารจะยกเลิกบริการรถของผมก็ได้ แต่ขอร้องอย่างเดียวว่า ได้โปรดอย่าแจ้งร้องเรียนเลยนะครับ เพราะผมอาจถูกแบนจากการทำงาน” ทั้งหมดนี้เป็นคำขอโทษผู้เป็นพ่อกล่าวต่อผู้โดยสารทุกคน เพื่อไม่ให้เขาถูกพักงาน

เขากล่าวขอโทษผู้โดยสารและอธิบายให้ผู้โดยสารฟังอยู่เสมอว่าทำไมถึงมีคนนั่งอยู่ข้างเขา เขาทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เริ่มขับรถ รวมทั้งสิ้น 1,800 ครั้งเลยก็ว่าได้

แม้ว่าจะมีผู้โดยสารที่ไม่พอใจและร้องเรียนเรื่องนี้อยู่ตลอด แต่ก็มีคนที่เข้าใจ พร้อมให้ทิปพิเศษทั้งต่อหน้าและเพิ่มเป็นคะแนนให้เขาในแอปพลิเคชันด้วย

อย่างไรก็ตาม เขาได้ทำการพิมพ์ข้อความใส่บนกระดาษ พร้อมกับแปะไว้ที่เบาะหลังเพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบ ระบุว่า “ลูกชายของผมป่วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อ 2 ปีก่อน เข้ารับการผ่าตัดมาหลายครั้งทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และที่บ้านไม่มีใครดูแลเขาจึงต้องพาลูกมาทำงานด้วย ผมต้องขอโทษสำหรับความไม่สะดวกด้วยครับ”

ข้อความที่ติดไว้เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงปัญหา

ตามรายงานเมื่อปี 2539 ระบุว่า อี้เหอผิงเคยเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์และวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ในเมืองเซินเจิ้น ขณะนั้นเงินเก็บกว่า 20 ล้านหยวนหรือราว ๆ 100 ล้านบาท

ในปี 2558 เขาตัดสินกลับบ้านเกิดที่ฉงชิ่งเพื่อก่อร่างสร้างตัวและปูทางอนาคตให้ลูก แต่บริษัทดันเกิดวิกฤตจนขาดทุนล้มละลายทำให้เขาสูญเงินเก็บทั้งหมด

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เขาได้พบกับความผิดหวังที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล หลังหย่ากับภรรยาเขาได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายที่เรียนต่ออยู่ที่ฝรั่งเศสเกิดอาการหมดสติบนโซฟา แพทย์ระบุว่าชายหนุ่มเป็นโรคหลอดเลือดสมองที่ต้องรักษาและใช้เงินจำนวนมาก

พ่อผู้ประเสริฐทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อลูกของเขา ดูแลลูกป่วยขณะขับแท็กซี่

ต่อมาอี้เหอผิงผันตัวมาทำงานเป็นคนขับแท็กซี่โดยรับงานผ่านแอปเรียกรถ แต่ละวันเขาต้องไปหาลูกชายที่โรงพยาบาล ตกเย็นถึงกลางคืนเขาต้องมาขับแท็กซี่ต่อ เมื่อลูกชายฟื้นขึ้นมาในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เขาจึงต้องพาลูกชายติดรถมาทำงานด้วย

สาเหตุที่เขาไม่แจ้งให้ทางบริษัทต้นสังกัดทราบเรื่องความจำเป็นที่ต้องนำลูกมาเลี้ยงบนรถเพราะคิดว่าบริษัทน่าจะไม่สามารถเปลี่ยนเงื่อนไขให้เขาคนเดียวได้ เขายอมรับว่าสร้างความไม่สะดวกแก่ผู้โดยสาร เขาจึงยอมรับบทลงโทษไปเงียบ ๆ ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็เห็นใจและให้ทิปพิเศษกับเขา

อี้เหอผิง กล่าวว่า เขาใช้เงินไปกับค่ารักษาลูกชาย มากกว่า 500,000 หยวน หรือราว 2.5 ล้านบาท แต่ก็ไม่ย่อท้อเพราะเขาเชื่อว่าอย่างน้อยลูกชายของผมก็ยังมีชีวิตอยู่

ขอบคุณข้อมูลจาก : sinchew

Peangaor

นักเขียนประจำ Thaiger จบการศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มศว เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาชี้แจงแตกประเด็นในรูปแบบย่อยง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง รวมถึงเรื่อง Pop culture ซีรีส์ อาหาร และเทรนด์แฟชั่นที่กำลังอินเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ preme@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button