เซียนไก่หัวร้อน ยิงกันกลางสนามไก่ชน เหตุแพ้พนัน 1 แสน ยิงเสร็จรีบเผ่นแน่บ
หนุ่มเซียนไก่เดือด ยิงคู่อริกลางสนามไก่ชน เหตุไก่ตนทำเสียพนัน 1 แสนบาท โวยวายชักปืนขึ้นยิงรัวจนอีกฝ่ายเสียชีวิตที่รพ. ขณะนี้ยังคงหลบหนี
หนุ่มเซียนไก่ชนยิงคู่อริดับคาบ่อนไก่ จ.นครปฐม หลังนัดศึกชนไก่วางเงินเดิมพัน 1 แสนบาท มีเพื่อนฝูงและชาวบ้านแห่มาเชียร์เต็มสังเวียน ผลการตัดสินไก่ผู้ตายเป็นฝ่ายชนะ ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจพุ่งเข้าไปตะลุมบอนก่อนชักปืนยิง 3 นัด ยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัดเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่รีบล่าตัวมาดำเนินคดี
วันที่ 8 ตุลาคม 2566 เวลา 17.40 น. มีเหตุยิงกันในบ่อนชนไก่เสียชีวิต 1 ราย จากรายงาน พ.ต.ท.ตรงศักดิ์ ค้าข้าว สารวัตรสอบสวน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลดอยตูม มีผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวด้วยอาการโคม่า ถูกยิงที่หัวไหล่ 1 นัด เอว 1 นัด และบริเวณขาหนีบ 1 นัด รวม 3 นัด ต่อมาเสียชีวิตที่รพ.
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่และกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ ที่สนามกีฬาไก่ชน วรวิช เลขที่ 65 หมู่ 10 ต.ดอนพุทรา อ.ดอนตูม จ.นครปฐม เป็นบ่อนไก่ชนถูกกฎหมายที่ทั้งสองนำไก่มาดวลกัน พบลักษณะเป็นโรงเรือน มีเก้าอี้สำหรับนั่งเชียร์ และสังเวียนไก่วงกลมขนาดใหญ่ พบรอยเลือดเปรอะเป็นทางยาว สภาพสังเวียนพบเก้าอี้และข้าวของพังยับเยิน
ผู้ก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้ ชื่อนายเบ็น เหล่างาม มักจะเรียกกันว่า “เบ็น มาบแค” หรือ “เบ็น พะเนียงแตก” อายุ 29 ปี หลังยิงผู้ตายเสร็จ ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีกเป็นนัดที่ 4 เพื่อเปิดทางขับรถหนี
ผู้ถูกยิงเสียชีวิต คือ นายพิรุณ ยศเครือ หรือ ดำ อายุ 33 ปี ชาว อ.กำแพงแสน เจ้าของไก่ชนซุ้มวัยรุ่นสร้างบ้าน ทีมงานเพชรพิกุลทอง ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าลำตัว 3 นัดจนอาการโคม่า ญาติเป็นคนขับพาไปส่งโรงพยาบาลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นนัดดวลไก่ระหว่าง นายเบ็น เจ้าของไก่ชนชื่อ “เจ้าเสือเตี้ย” มาชนในทีมซุ้มน้องญาดา ตีกับไก่ของผู้ตายชื่อ “เพชรเอก” ซุ้มเพชร ทั้งคู่วางเงินเดิมพัน 100,000 บาท แต่ไก่นายเบ็นดันแพ้จนทั้งคู่เกิดทะเลาะวิวาทกัน
เหตุการณ์บานปลายจากการโต้เถียงไปถึงชกต่อยกัน ทำให้นายเบ็นใช้จังหวะชุลมุนชักปืนยิงนายพิรุณ 3 นัด จากนั้นยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดเพื่อเปิดทางซิ่งรถโตโยต้า เฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบหมวดทะเบียน พยานจำได้เป็นเลข 9829 นครปฐม หลบหนี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี