นักท่องเที่ยว 7 ขวบ ถูกคนไทยล่วงละเมิดทางเพศ แม่ถูกยึดพาสปอร์ต-เกือบติดคุกเอง
แม่ชาวฝรั่งเศส เล่า ลูกชายวัย 7 ขวบ ถูกคนไทยล่วงละเมิดทางเพศระหว่างท่องเที่ยว ชี้สถานทูตไม่ช่วยแถมโดนยึดพาสปอร์ต ทั้งยังโดนผู้ก่อเหตุฟ้องกลับฐานที่ตนไปตบหน้า ตอนนี้ติดอยู่ในไทยทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ @Princessemondi2 ได้ออกมาเล่าว่า เธอติดอยู่ในประเทศไทย เพราะถูกยึดหนังสือเดินทาง หลังเข้าไปตบหน้าเฒ่าหัวงูชาวไทย ที่ล่วงละเมิดลูกชายวัย 7 ขวบของเธอ
“ฉันติดอยู่ในประเทศไทย หนังสือเดินทางได้ถูกเพิกถอนไป เนื่องจากฉันเข้าไปตบหน้าเฒ่าหัวงู ฉันเป็นช่างทำผม และฉันอายุ 30 ปี ฉันทำงานอย่างบ้าคลั่งตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกชายวัย 7 ขวบของฉัน มีวันหยุดพักผ่อนอันน่าจดจำ”
เธอเล่าว่าเดิมทีการเดินทางครั้งนี้ จะต้องเป็นการเดินทางที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอและลูกชาย โดยทั้งคู่มีเวลาเที่ยวกันเหลืออีก 1 สัปดาห์ ก่อนจะถึงกำหนดกลับฝรั่งเศส โดยเธอและลูกตัดสินใจพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมองเห็นวิวป่าไม้และธรรมชาติ
ทว่าในวันที่จะเช็กเอ้าท์ออกจากโรงแรม เธอกับลูกได้ตื่นเช้าไปหากาแฟร้านขายของชำใกล้ ๆ ดื่ม ซึ่งร้านนี้อยู่ห่างจากโรงแรมแค่ 10 เมตรเท่านั้น แต่เมื่อกลับมาที่โรงแรมเธอพบว่ากุญแจหายไป ลูกชายวัย 7 ขวบ เลยเสนอตัววิ่งกลับไปดูที่ร้านขายของชำ เธอจึงรอเขาอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ลูกชายเธอรีบเดินกลับมาด้วยท่าทีตกใจ พร้อมเล่าว่า เจ้าของร้านสั่งให้เขานั่งคุกเข่า นวดหลัง และจับอวัยวะเพศพร้อมขอให้เด็กจับของผู้ก่อเหตุด้วย เธอจึงรีบวิ่งกลับไปที่ร้าน ก่อนจะพบว่าเจ้าของร้านชาวไทยอยู่ในสภาพเปลือย ทำให้เธอสติแตกและตะโกนลั่นว่าเขาทำอะไรลูกของเธอ
คุณแม่ชาวฝรั่งเศสยอมรับว่า ตนได้ตบเข้าไปที่หน้าของชายคนดังกล่าว โดยคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพยายามเข้ามาห้าม และขอให้เธอสงบอารมณ์ จากนั้นชายคนนั้นจึงลุกขึ้นแต่งตัว และเธอก็ได้พบว่า เขาถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดตอนก่อเหตุออกไปด้วย
จากนั้นเธอจึงรีบโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และติดต่อหาคนฝรั่งเศสในโรงแรมเดียวกันให้มาเป็นล่าม เนื่องจากตนสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ โดยเมื่อตำรวจมาถึง พวกเขาขอให้ลูกชายเธอจำลองเหตุการณ์อีกครั้ง ทำให้มันกระทบกระเทือนจิตใจเขาเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้เมื่อเธอยื่นเรื่องร้องเรียนไป เธอกลับรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมและสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ยอมแพ้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเธอต้องมอบหนังสือเดินทางให้พวกเขา และรอตรวจสอบเป็นเวลา 8 เดือนในประเทศไทย ทำให้เธอต้องขอความช่วยเหลือจากสถานทูตและญาติ ๆ รวมทั้งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เช่น ค่าทนาย ค่าแปลเอกสาร
นอกจากนี้เธอยังโดนผู้ก่อเหตุฟ้องกลับข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งเธอไม่สามารถทำอะไรได้ และต้องรออยู่ที่ประเทศไทยเพราะถูกยึดพาสปอร์ตไปแล้ว แถมเจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวเธอและสั่งให้ประกันตัว 1,000 ดอลลาร์ (37,122.50) เพื่อจะได้ไม่ต้องติดคุกระหว่างรอพิจารณาคดี โดยเธอถูกขอให้เซ็นเอกสารที่อ่านไม่ออก และไม่มีล่ามช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น
คุณแม่รายนี้ยังเล่าเสริมว่า แทบไม่มีทนายคนไหนสนใจช่วยเหลือคดีของเธอเลย และหลังจากเกิดเรื่องได้หลายสัปดาห์ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจส่งลูกชายกลับฝรั่งเศส เพื่อให้เขากลับไปโรงเรียน แม้ว่าในตอนนี้เด็กจะบอบช้ำทางจิตใจจากรุนแรง ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป เพราะเธอไม่มีหนังสือเดินทางและถูกสั่งให้รออยู่ที่นี่ แถมเงินที่มีก็กำลังหมดลงแล้ว
คุณแม่วัย 30 ปีกล่าวว่า เธอต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แม้ครอบครัวจะช่วยเหลือบ้าง แต่มันก็เป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้วที่ต้องรบกวนทุกคน เธอระบุว่า ตัวเองถูกทำให้กลายเป็นอาชญากรเพียงเพราะตบหน้าคนที่ทารุณกรรมลูกของเธอ.
🚨THREAD 🚨: Bloquée en Thaïlande, retrait de passeport pour avoir giflé un pedophile.
Je vous explique :Je suis coiffeuse, et j’ai 30 ans, j’ai bossé comme une malade toute l’année, pour pouvoir offrir à mon fils de sept ans, des vacances inoubliables au bout du monde
=>> pic.twitter.com/Y68nLwIy4Z— Mina (@Princessemondi2) September 29, 2023