กินผงชูรสทำให้ผมร่วงจริงหรือ อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง พร้อมวิธีรักษาผมร่วง
หาคำตอบ กินผงชูรสทำให้ผมร่วงจริงหรือ ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับผงชูรส อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของผมร่วง เป็นแล้วรักษาอย่างไร
เคยโดนเหมือนกันไหม ตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่มักเตือนแกมขู่เราว่า อย่ากินผงชูรสเยอะ โตไปผมร่วงหมดหัว ความเชื่อที่ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวลจนไม่กล้ากินนู่น ชิมนี่เพราะคิดว่าอาหารที่มีส่วนประกอบของผงชูรสจะทำให้ผมร่วงและหัวล้านได้ ความจริงเป็นอย่างไรที่นี่มีคำตอบ
แท้จริงแล้วผงชูรสไม่ได้ทำให้ผมร่วง สาเหตุที่แท้จริงมีมากกว่านั้นตั้งแต่ความเครียด กรรมพันธุ์ สัญญาณเตือนโรคภัย และอีกมากมาย ใครที่คิดว่าผมร่วงเกิดจากผงชูรส รวมถึงกำลังหาวิธีรักษาผมร่วงอยู่แนะนำให้อ่านต่อได้เลย
ผงชูรสไม่มีผลต่อเส้นผม
ผงชูรสมีส่วนผสมหลัก คือ โมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่พบได้ในอาหารธรรมชาติหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ผัก และเห็ด กรดอะมิโนชนิดนี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มรสชาติอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติเข้มข้นและอร่อยขึ้น
มีความเชื่อว่าการกินผงชูรสอาจทำให้ผมร่วงเนื่องจากกรดอะมิโนชนิดนี้อาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) เพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมน DHT มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลุดร่วงของเส้นผม แต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดที่สนับสนุนความเชื่อนี้
การศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่าการกินผงชูรสในปริมาณปกติไม่ส่งผลต่อสุขภาพผม ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การกินผงชูรสวันละ 3 กรัม เป็นเวลา 6 เดือน ไม่ได้ทำให้ปริมาณเส้นผมหรือเส้นผมที่หลุดร่วงเพิ่มขึ้น
ดังนั้น กินผงชูรสแล้วผมร่วงหรือหรือ ตอบได้เลยว่า ไม่จริง ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการกินผงชูรสทำให้ผมร่วง ซึ่งองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้จัดให้ผงชูรสเป็นสารที่ปลอดภัย (Generally Recognized as Safe) สำหรับใช้ในอาหาร
อย่างไรก็ตาม การกินผงชูรส อาหารเค็มจัด และรสจัดในปริมาณมากอาจส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายได้ รวมถึงผู้ที่แพ้ผงชูรสอาจมีอาการปวดหัว หน้าแดง ใจสั่น คลื่นไส้ และอาเจียน หากมีอาการแพ้ผงชูรสควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส
สาเหตุของผมร่วง
หลังจากที่ทราบกันแล้วว่าผงชูรสไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง แต่ก็ยังมีสาเหตุอื่นที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงได้ แนะนำให้สังเกตพฤติกรรมของตนเองว่าตรงกับสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ถ้าตรงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาสุขภาพผมให้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
- การขาดวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี ธาตุเหล็ก สังกะสี
- โรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ โรคตับ โรคไต
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านซึมเศร้า ยาแก้ปวด
- ความเครียด
- การบาดเจ็บที่ศีรษะ
- กรรมพันธุ์
- พฤติกรรมชอบดึงผมเป็นประจำ
อย่างไรก็ตามการหลุดร่วงของเส้นผมเป็นเรื่องปกติ เพราะเส้นผมแต่ละเส้นจะเติบโตเต็มที่และหลุดร่วงไปภายในระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือนอยู่แล้ว แต่อาจจะร่วงทีละน้อยจนเราไม่ได้สังเกตเห็น หากพบว่าผมร่วงหนักหรือถี่อาจต้องพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
วิธีรักษาผมร่วง
ปัญหาผมร่วงทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ หมดความมั่นใจลงได้เลย แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เริ่มจากวิธีดูแลเส้นผมเพื่อลดผมร่วง ได้แก่
-
- กินอาหารที่มีประโยชน์ : อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อสุขภาพเส้นผม เช่น วิตามินบี ธาตุเหล็ก สังกะสี
-
- หลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผม : การย้อมผม ดัดผม กัดสีผม หรือมัดผมแน่นเกินไป
-
- ดูแลหนังศีรษะ : ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างสม่ำเสมอด้วยแชมพูที่อ่อนโยน ไม่เกาหนังศีรษะด้วยความรุนแรง
หากผมร่วงจากสาเหตุที่แก้ไขไม่ได้ เช่น กรรมพันธุ์ การรักษาอาจทำได้โดยใช้ยาหรือการทำศัลยกรรม
-
- ยารักษาผมร่วง : ยาทาหนังศีรษะไมนอกซิดิล (minoxidil) และยารับประทานฟีนาสเตอไรด์ (finasteride) ยาทั้งสองชนิดสามารถช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมและชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม
- ศัลยกรรมด้วยการการปลูกผม : การปลูกผมเป็นการผ่าตัดย้ายรากผมจากบริเวณที่มีผมหนาไปยังบริเวณที่มีผมบางหรือผมร่วง การผ่าตัดนี้สามารถช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของเส้นผมได้
ผลจากการวิจัยหลายชิ้นจนถึงปัจจุบันต่างให้ข้อมูลเชิงประจักษ์แล้วว่า กินผงชูรสไม่มีผลต่ออาการผมร่วง แต่ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อร่างกายด้านอื่น เช่น โรคไต ความดันโลหิตสูงเนื่องจากอาหารที่มีผงชูรสมักเป็นอาหารรสเค็มจัด ส่วนสาเหตุของผมร่วงเกิดจากพฤติกรรมและกรรมพันธุ์ของคน ๆ นั้น หากต้องต้องรักษาอาการผมร่วงควรสังเกตนิสัยการกินและการชีวิตของตนร่วมด้วย เพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด หากผมร่วงหนักผิดปกติแนะนำให้พบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม