‘ทนายพัช’ ขึ้นศาลคดี ‘แอม ไซยาไนด์’ ครั้งแรก ลั่นกังวลทำไม ยังไงก็ชนะ
ทนายพัช ขึ้นศาลคดี แอม ไซยาไนด์ หลังศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรก ตอบนักข่าวกังวลทำไม ยังไงก็ชนะ เชื่อยกผลประโยชน์ให้จำเลย
ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดพิจารณาคดีครั้งแรก เป็นการนัดประชุมคดีตรวจพยานหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนางสาวสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น และอีกหลายฐานความผิด, พันตำรวจโทวิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของแอม จำเลยที่ 2 และนางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ ทนายความของนางแอม จำเลยที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันทำลายหลักฐาน เพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ 1 กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี
โดยนางสาวธันย์นิชา เอกสุวรรณรัตน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ แอม ไซยาไนด์ เดินทางมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะทนายความของแอมเหมือนเดิม และก็เป็นทนายความให้กับตัวเองด้วย มีความมั่นใจเพราะได้ตรวจเอกสารมาทั้งหมดแล้ว โดยมีหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะนำมาเป็นข้อต่อสู้ คือใบบันทึกประจำวัน ของตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ลงไว้ว่ามีการสั่งซื้อไซยาไนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ และหลังจากนั้น เมื่อไปตรวจค้นที่บ้านแอมก็ไปเจอไซยาไนด์ และเจอทุกๆ ที่ ที่เข้าตรวจค้น โดยตอนตำรวจจับกุมแอม ก็ไม่ได้จับพร้อมของกลาง
ยืนยันตนเป็นคนละเอียด ตรวจสำนวนทุกเม็ด เรื่องการยัดยา ยัดของ ไม่ควรเกิดขึ้น ถ้าคนร้ายกระทำผิด ควรหาหลักฐานของคนร้าย ไม่ใช่หลักฐานที่เทียบเคียง คดีอื่นที่ตนเคยทำ ก็มีการจัดปืนมา แล้วศาลยกฟ้อง ก็ไม่คิดว่าคดีนี้จะมาเจอรูปแบบเดียวกันอีก
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าคดีนี้ศาลจะต้องยกประโยชน์ให้กับจำเลย เพราะฝ่ายโจทก์มีพยานแวดล้อม และประจักษ์พยานไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้ และตนยังทราบมาว่า มีคดีหนึ่งในจังหวัดนครปฐมได้มีการถอนฟ้องไปแล้ว ซึ่งตนก็ขอความแสดงยินดีด้วย
โดยก่อนจะเดินขึ้นศาลไป ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กังวลหรือไม่ ทนายพัชหันมาตอบว่า “กังวลทำไม ยังไงก็ชนะ” และยังบอกด้วยว่า ตนสบายดี ช่วงนี้งานเยอะ ว่าความอย่างเดียว
ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความได้เดินทางมาศาลพร้อมกับแม่ของนางสาวก้อย และนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดีแอม ไซยาไนด์ โดยทนายเดชากล่าวว่า วันนี้ไม่มีความกังวลในการนัดตรวจพยานหลักฐาน เพราะได้ศึกษาสำนวนและคำฟ้องของพนักงานอัยการมาโดยละเอียด โดยในวันนี้จะยื่นคำร้องขอเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวนประมาณ 31,000,000 บาท ให้กับแม่ของนางสาวก้อย เช่น ค่าปลงศพ และจะตั้งทนายเพื่อยื่นคำร้องเรียกค่าไร้อุปการะให้กับลูกวัย 10 ขวบของผู้ตายอีกคดีหนึ่งด้วย